“เงินด่วน กู้ง่าย ได้ไว ไม่เช็คเครดิตบูโร ไม่ต้องมีเอกสาร รับเงินสดทันทีติดต่อ 08X-XXXXXXX” ฟังดูน่าสนใจและง่ายในการเข้าถึงใช่ไหม? แต่ความเป็นจริงแล้วเงินกู้นอกระบบนั้นมีความอันตรายมากกว่าที่คุณคิด เศรษฐกิจที่ไม่ดีและการหมุนเงินไม่ทัน ทำให้หลายคนหลงกลโกงของหนี้นอกระบบ ทั้งที่รู้ว่ามันเป็นเรื่องที่น่ากลัว วันนี้เรามาฟังความน่ากลัวของหนี้นอกระบบกันให้ชัดเจนอีกที เพื่อจะได้ไม่หลงกลเห็นว่าได้เงินง่ายๆ แต่สุดท้ายต้องกลายเป็นทาสและหวาดกลัวกับการทวงหนี้มหาโหด
ข้อมูลสถิติปัญหาหนี้นอกระบบ
ข้อมูลจากศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กรมสืบสวนคดีพิเศษ ระบุว่า ที่ผ่านมามีผู้ร้องเรียนเรื่องปัญหาความไม่เป็นธรรมจากหนี้นอกระบบเป็นจำนวนมาก เฉพาะการร้องเรียนต่อสำนักนายกรัฐมนตรีผ่านหมายเลขโทรศัพท์ 4444 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 – วันที่ 24 พฤศจิกายน 2562 มีผู้ร้องเรียนถึง 4,748 ราย โดยพื้นที่ที่มีการร้องเรียนมากที่สุดคือ พื้นที่ภาคกลาง 1,926 ราย เฉพาะกรุงเทพฯ มีถึง 663 ราย ตามด้วยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 766 ราย ภาคเหนือ 516 ราย ภาคใต้ 449 ราย ภาคตะวันออก 414 ราย และไม่ระบุจังหวัดอีก 677 ราย
ความเสี่ยงของเงินกู้รายวัน
เงินกู้รายวันเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการจัดการการเงินส่วนบุคคลในสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่การใช้เงินกู้ประเภทนี้ต้องมีความรอบคอบและการวางแผนที่ดีเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงดังต่อไปนี้
1. ดอกเบี้ยสูงมาก
ลองคิดตามดูดีๆ ถ้าเขาบอกว่าดอกเบี้ยแค่ร้อยละ 20% ต่อเดือน อาจจะดูเหมือนผ่อนไหววันละไม่กี่ร้อยบาท แต่ถ้าคิดดีๆ ดอกเบี้ยเท่ากับ 240% ต่อปี นั่นคือดอกเบี้ยจะแซงหน้าเงินต้นไป 3-4 เท่า! ดอกเบี้ยสูงขนาดนี้นอกจากจะปลดหนี้ไม่ได้แล้ว หลายคนต้องไปกู้เพิ่มเพื่อมาจ่ายแค่ดอกเบี้ย กลายเป็นทาสหนี้ไปตลอดชีวิต ลองมาเปรียบเทียบกันชัดๆ ระหว่างดอกเบี้ยเงินกู้ของหนี้ในระบบและหนี้นอกระบบ สมมติกู้เงินที่ 10,000 บาท
- หนี้ในระบบ: ดอกเบี้ย 1.75% ต่อเดือน คืนเงินใน 12 เดือน เงินต้นและดอกเบี้ยรวม 12,100 บาท = ดอกเบี้ย 2,100 บาท
- หนี้นอกระบบ: ดอกเบี้ย 20% ต่อเดือน คืนเงินใน 12 เดือน เงินต้นและดอกเบี้ยรวม 34,000 บาท = ดอกเบี้ย 24,000 บาท
2. ดอกลอย
กรณีดอกลอยสามารถเกิดขึ้นได้ถ้าลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ทั้งหมดในคราวเดียวกัน และสามารถชำระได้เพียงดอกเบี้ยเท่านั้น ทำให้ปริมาณเงินที่ต้องจ่ายโดยรวมถูกทบเข้าทั้งต้นทั้งดอกจนยอดหนี้สูงขึ้น ภาระทางการเงินก็จะเพิ่มขึ้น และเมื่อทบเข้าไปยาวนานขึ้นเรื่อยๆ จากการกู้ไม่กี่พันบาทอาจจะกลายเป็นหลักหมื่นหรือหลักแสนเมื่อลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้
3. ไม่มีการทำสัญญาชัดเจน
การทำสัญญาเงินกู้นอกระบบมักไม่มีความชัดเจน ไม่ค่อยมีการกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจน และผู้กู้ก็ไม่สามารถต่อรองกับเจ้าหนี้ได้ นอกจากนี้ผู้กู้จะไม่ได้รับความคุ้มครองทางกฎหมาย ซึ่งแตกต่างจากการกู้ในระบบที่มีการทำสัญญาและเอกสารชัดเจน มีขั้นตอนที่เชื่อถือได้และสามารถสร้างความมั่นใจในการชำระหนี้ให้กับผู้กู้ได้มากกว่า
4. อาจพัวพันกับสิ่งผิดกฎหมาย
หากทำการกู้เงินนอกระบบ คุณไม่มีทางรู้เลยว่าคนที่ปล่อยกู้ให้มีแหล่งเงินมาจากที่ไหน ซึ่งอาจจะมาจากการทำธุรกิจผิดกฎหมายต่างๆ ถ้าเข้าไปพัวพันกับสิ่งผิดกฎหมายเหล่านี้ จะยากที่ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่รัฐจะเข้ามาช่วยเหลือลูกหนี้ได้ทันท่วงที เพราะการสืบหาเครือข่ายกู้เงินนอกระบบนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
5. คนปล่อยกู้คือคนคุมเกม
คนที่ปล่อยเงินกู้นอกระบบมักรู้ว่าผู้กู้เงินนอกระบบมักอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีอะไรจะเสียและยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินกู้มาใช้ทันเวลา ทำให้ในการกู้เงินนอกระบบมักมีกลโกงที่บอกเงื่อนไขการกู้เงินแบบกำกวมๆ หรือทำให้สับสน สุดท้ายแล้วผู้กู้จะไม่รู้เลยว่าตอนนี้เป็นหนี้อยู่เท่าไหร่ เพราะคนปล่อยกู้คือคนเดียวที่จะตีความข้อตกลงนั้นได้ ทำให้ผู้กู้กลายเป็นแค่ลูกไก่ในกำมือ
6. โดนทวงหนี้โหด
ในกรณีที่ลูกหนี้ผิดนัดการจ่ายเงิน มักจะมีการข่มขู่ คุกคาม หรือทำให้อับอาย หลายกรณีถึงขั้นมีการทำร้ายร่างกาย พยายามทำลายทรัพย์สิน หรือแม้กระทั่งลุกลามไปถึงครอบครัวหรือคนใกล้ชิด
กลโกงหนี้นอกระบบ
ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กรมสืบสวนคดีพิเศษ ระบุว่าปัจจุบันกลโกงจากแก๊งหนี้นอกระบบมี 3 ประเภท ได้แก่
1. แก๊งหมวกกันน็อค
แก๊งเหล่านี้มีลักษณะเป็นการปล่อยเงินกู้รายวันโดยไม่มีการทำสัญญา อาจใช้วิธียึดบัตรเครดิต บัตรประชาชน หรือบัตรของคนที่ค้ำประกัน ส่วนใหญ่เป็นการปล่อยกู้ให้กับพ่อค้าแม่ค้าในตลาดและกระจายอยู่ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ หลายแก๊งมีแหล่งเงินทุนจากทุนใหญ่เจ้าเดียวกัน กลโกงที่น่ากลัวมากของแก๊งหมวกกันน็อคมีอยู่ 2 วิธีคือ:
- ดอกลอย: เช่น ให้กู้ 50,000 บาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อเดือน ลูกหนี้ต้องส่งดอกเบี้ยเดือนละ 5,000 บาทไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีเงินต้นครบ 50,000 บาท ซึ่งเป็นไปได้ยากมาก ส่งผลให้ลูกหนี้ไม่สามารถหลุดจากการเป็นหนี้ได้ และต้องส่งเงินให้เจ้าหนี้มากกว่าเงินต้นที่กู้ยืมมาหลายเท่า หรือต้องไปกู้หนี้ใหม่มาใช้หนี้เก่า
- ล้ม เงินส่ง 24 วัน: เช่น เงินกู้ 10,000 บาท คิดดอกเบี้ย 2,000 บาท รวมเป็น 12,000 บาท ให้ผ่อนชำระเป็นเวลา 24 วัน วันละ 500 บาท หากวันใดวันหนึ่งลูกหนี้ไม่สามารถส่งเงินได้ เจ้าหนี้จะยกเลิกเงินที่ส่งมาแล้วทั้งหมดและลูกหนี้ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ในการผ่อนชำระ ทำให้ลูกหนี้ไม่สามารถหลุดจากการเป็นหนี้ได้
2. กลุ่มนายทุนที่ทำสัญญาแบบเอาเปรียบ
กลุ่มนี้ลูกหนี้ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรที่มีที่ดินทำกิน โดยก่อนหน้านี้นิยมทำสัญญาขายฝาก โดยทำสัญญาไถ่ถอนระยะสั้น ส่งผลให้ลูกหนี้ไม่สามารถหาเงินมาไถ่ถอนที่คืนได้ทัน ที่ดินซึ่งมีมูลค่ามากกว่าจำนวนเงินที่กู้หลายเท่าจึงตกเป็นของเจ้าหนี้ แต่หลังจากภาครัฐมีการปราบปรามครั้งใหญ่เมื่อปี 2561 พร้อมทั้งการออก “พระราชบัญญัติขายฝากที่ดินเพื่อเกษตรกรรม” ส่งผลให้การทำสัญญาขายฝากเพื่อลดลง แต่ที่น่าเป็นห่วงคือปัจจุบันเจ้าหนี้ใช้กลโกงในการทำสัญญาแบบใหม่ โดยให้ลูกหนี้ “โอนที่ดิน” ให้เจ้าหนี้ก่อนรับเงิน เมื่อครบกำหนดไถ่ถอนและนำเงินมาชำระหนี้จึงได้ที่ดินคืน แต่สิ่งที่ลูกหนี้ไม่รู้คือ “กรรมสิทธิ์” ในที่ดินได้ตกเป็นของเจ้าหนี้ตั้งแต่วันที่โอนที่ดินให้เพื่อแลกกับเงินกู้ ทำให้ลูกหนี้สูญเสียที่ดินไป
3. เงินกู้ออนไลน์
กลุ่มเป้าหมายของเงินกู้ออนไลน์คือแม่ค้าออนไลน์ พนักงานบริษัท และนักศึกษา แก๊งเงินกู้จะตรวจสอบประวัติของแม่ค้าออนไลน์และคนที่ดึงมาร่วมวงแชร์ก่อนว่ามีกำลังในการชำระหนี้หรือไม่ เมื่อคุ้นเคยกันแล้วก็ชวนตั้งวงแชร์ ทำหน้าที่เป็น “เท้าแชร์” ถ้าลูกแชร์ไม่มีเงินส่งก็ชักชวนไปลงแชร์อีกวงเพื่อเปียมาส่งวงแรก ทำให้ลูกหนี้มีหนี้สินเพิ่มขึ้น ที่สำคัญเท้าแชร์ทำหน้าที่เป็น “แหล่งเงินกู้นอกระบบ” หากลูกแชร์ไม่มีเงินส่งก็สามารถกู้เงินจากเท้าแชร์ได้ หากไม่ชำระคืนตามกำหนดก็ใช้วิธีด่าประจานหน้า Facebook หรือไปทวงกับคนรักและเพื่อนๆ ของลูกหนี้ใน Facebook ทำให้ลูกหนี้ต้องรีบชำระหนี้เพราะกลัวถูกประจาน
5 แหล่งเงินกู้รายวัน
การเข้าถึงเงินกู้รายวันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับหลายคนที่ต้องการเงินด่วนในการจัดการเรื่องการเงินแบบทันทีทันใด ไม่ว่าจะเป็นการจัดการกับเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือการสนับสนุนกิจการขนาดเล็ก ในบทความนี้ เราจะสำรวจแหล่งเงินกู้รายวัน 5 แหล่งที่สามารถช่วยให้คุณได้รับเงินกู้ที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย
1. สินเชื่อโฉนดที่ดิน
การแนะนำสินเชื่อโฉนดที่ดิน
สินเชื่อโฉนดที่ดินเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถใช้ที่ดินเป็นหลักประกันในการกู้เงิน สินเชื่อนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีโฉนดที่ดินเป็นของตนเองและต้องการใช้มันเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อ วงเงินที่สามารถกู้ได้จะขึ้นอยู่กับมูลค่าประเมินของที่ดิน
ข้อดีของสินเชื่อโฉนดที่ดิน
- วงเงินกู้สูง: สามารถกู้ได้วงเงินสูงถึง 130% ของราคาประเมินของที่ดิน ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับแหล่งเงินกู้อื่น ๆ ที่มักให้เพียง 50-70%
- ดอกเบี้ยต่ำ: เนื่องจากมีหลักประกันที่มั่นคง ดอกเบี้ยจึงมักจะต่ำกว่าสินเชื่อประเภทอื่น
- ระยะเวลาการชำระคืนยาวนาน: สามารถเลือกชำระคืนในระยะยาวได้ ทำให้การจัดการการเงินง่ายขึ้น
ข้อเสียของสินเชื่อโฉนดที่ดิน
- กระบวนการที่ซับซ้อน: ต้องมีการประเมินที่ดินและทำเอกสารหลายอย่าง
- ความเสี่ยงในการสูญเสียที่ดิน: หากไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด อาจสูญเสียที่ดินที่ใช้เป็นหลักประกัน
2. สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์
การแนะนำสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์
สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์เป็นสินเชื่อที่มีการให้บริการในระดับชุมชนและท้องถิ่น ซึ่งมักจะเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเงินกู้ด่วนและมีความต้องการที่ไม่สูงมาก
ข้อดีของสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์
- การเข้าถึงง่าย: มีการให้บริการในชุมชนและท้องถิ่น ทำให้ผู้ที่ต้องการเงินกู้สามารถเข้าถึงได้ง่าย
- กระบวนการรวดเร็ว: การพิจารณาและอนุมัติสินเชื่อมักจะรวดเร็ว ทำให้ได้รับเงินได้ทันที
ข้อเสียของสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์
- วงเงินกู้ต่ำ: วงเงินกู้มักจะต่ำกว่าแหล่งเงินกู้อื่น
- ดอกเบี้ยสูง: เนื่องจากไม่มีหลักประกัน ดอกเบี้ยจึงมักจะสูง
3. บัตรกดเงินสด
การแนะนำบัตรกดเงินสด
บัตรกดเงินสดเป็นวิธีที่สะดวกในการเข้าถึงเงินด่วน โดยใช้บัตรกดเงินสดที่มีการอนุมัติวงเงินไว้แล้ว สามารถกดเงินจากตู้ ATM ได้ตลอดเวลา
ข้อดีของบัตรกดเงินสด
- ความสะดวกสบาย: สามารถกดเงินได้ทุกที่ทุกเวลา
- ไม่มีการใช้หลักประกัน: ไม่ต้องใช้ทรัพย์สินใด ๆ เป็นหลักประกัน
- ระยะเวลาการชำระคืนยืดหยุ่น: สามารถชำระคืนเป็นงวด ๆ ได้
ข้อเสียของบัตรกดเงินสด
- ดอกเบี้ยสูง: ดอกเบี้ยจากการกดเงินสดมักจะสูงมาก
- การควบคุมการใช้เงินยาก: การที่สามารถกดเงินได้ตลอดเวลาอาจทำให้เกิดการใช้จ่ายเกินตัว
4. สินเชื่อรถยนต์
การแนะนำสินเชื่อรถยนต์
สินเชื่อรถยนต์เป็นการใช้รถยนต์เป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อ วงเงินที่สามารถกู้ได้จะขึ้นอยู่กับมูลค่าของรถยนต์
ข้อดีของสินเชื่อรถยนต์
- วงเงินกู้สูง: สามารถกู้ได้วงเงินสูงตามมูลค่าของรถยนต์
- ดอกเบี้ยต่ำ: เนื่องจากมีหลักประกันที่มั่นคง ดอกเบี้ยจึงมักจะต่ำ
ข้อเสียของสินเชื่อรถยนต์
- ความเสี่ยงในการสูญเสียรถยนต์: หากไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด อาจสูญเสียรถยนต์ที่ใช้เป็นหลักประกัน
- กระบวนการที่ซับซ้อน: ต้องมีการประเมินมูลค่ารถยนต์และทำเอกสารหลายอย่าง
5. จำนองที่ดิน
การแนะนำจำนองที่ดิน
จำนองที่ดินเป็นการใช้ที่ดินเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อ ซึ่งเป็นวิธีที่มีความมั่นคงและสามารถให้วงเงินกู้สูง
ข้อดีของจำนองที่ดิน
- วงเงินกู้สูง: สามารถกู้ได้วงเงินสูงตามมูลค่าของที่ดิน
- ดอกเบี้ยต่ำ: เนื่องจากมีหลักประกันที่มั่นคง ดอกเบี้ยจึงมักจะต่ำ
ข้อเสียของจำนองที่ดิน
- กระบวนการที่ซับซ้อน: ต้องมีการประเมินที่ดินและทำเอกสารหลายอย่าง
- ความเสี่ยงในการสูญเสียที่ดิน: หากไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด อาจสูญเสียที่ดินที่ใช้เป็นหลักประกัน
สรุป
การเลือกแหล่งเงินกู้รายวันขึ้นอยู่กับความต้องการและสถานะทางการเงินของผู้กู้ การที่มีทางเลือกหลากหลายให้เลือกใช้จะช่วยให้สามารถจัดการกับความต้องการทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อโฉนดที่ดินที่มีวงเงินกู้สูงและดอกเบี้ยต่ำ หรือสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ที่เข้าถึงง่ายและรวดเร็ว
สำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายในการกดเงินสด บัตรกดเงินสดเป็นทางเลือกที่ดี แต่ต้องระวังดอกเบี้ยที่สูง สำหรับผู้ที่มีรถยนต์ สินเชื่อรถยนต์เป็นทางเลือกที่ดีในการใช้รถยนต์เป็นหลักประกัน ส่วนจำนองที่ดินเหมาะสำหรับผู้ที่มีที่ดินและต้องการวงเงินกู้สูง
บริษัท เพื่อนแท้ เงินด่วน จำกัด เป็นแหล่งสินเชื่อที่มีความเชี่ยวชาญในการให้บริการสินเชื่อโฉนดที่ดิน โดยให้วงเงินสูงถึง 130% ของราคาประเมิน นอกจากนี้ ยังมีบริการสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ที่เข้าถึงง่ายและรวดเร็ว เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกสถานการณ์