หากคุณมีรถยนต์เป็นของตัวเอง คุณควรต่อ พ.ร.บ. รถยนต์เอาไว้ด้วย เพราะถือเป็นการทำประกันให้กับรถของเรานั่นเอง นอกเหนือจากนั้นยังคุ้มครองทั้งตัวผู้บาดเจ็บและคู่กรณีหากมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น คุณก็จะไม่ต้องเสียเวลาและไม่ต้องเสียเงินเกินความจำเป็นนั่นเอง
พ.ร.บ.รถยนต์ คืออะไร
พ.ร.บ.รถยนต์ คือ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ที่คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ถือเป็นกฎหมายที่มีการกำหนดให้รถยนต์ทุกคันจดทะเบียนกับกรมขนส่งทางบก หรือการทำประกันภัยรถยนต์นั่นเอง เพื่อให้คุ้มครองกับผู้ที่ประสบอุบัติเหตุจากการใช้รถ แม้ว่าจะเป็นฝ่ายผิดหรือถูกก็จะได้รับความคุ้มครองเหมือนกัน
พ.ร.บ.รถยนต์ ราคา
- รถส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง ราคา 600 บาท
- รถส่วนบุคคลเกิน 7 ที่นั่ง แต่ไม่เกิน 15 ที่นั่ง ราคา 1,100 บาท
- รถส่วนบุคคลเกิน 15 ที่นั่ง แต่ไม่เกิน 20 ที่นั่ง ราคา 2,050 บาท
- รถส่วนบุคคลเกิน 20 ที่นั่ง แต่ไม่เกิน 40 ที่นั่ง ราคา 3,200 บาท
- รถส่วนบุคคลเกิน 40 ที่นั่ง ราคา 3,740 บาท
หากไม่ทำ พ.ร.บ. มีผลอย่างไร
ควรติดป้าย พ.ร.บ.รถยนต์ หรือไม่
- โดยปกติทั่วไปเราจะไม่ติดพ.ร.บ. รถยนต์ไว้ที่รถ แต่จะต้องติดป้ายภาษีหรือที่เรารู้จักกันว่าป้ายวงกลม ติดไว้ที่หน้ารถ ป้ายภาษีถือเป็นเอกสาารที่ออกให้โดยกรมขนส่งทางบกซึ่งจะได้ก็ต่อเมื่อคุณได้ต่อ พ.ร.บ.รถยนต์แล้วเท่านั้น แต่ถ้าหากคุณไม่ติดป้ายภาษีจะถือว่ามีความผิดและจะมีโทษปรับ
- ควรติดป้ายภาษีประจำปีไว้ที่ด้านในของกระจกกันลมด้านหน้ารถยนต์หรือให้ติดในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นป้ายภาษีประจำปีได้ชัดเจน หากผู้ใดไม่ต่อภาษีพ.ร.บ. รถยนต์ประจำปี จะมีโทษปรับไม่ต่ำกว่า 200 บาท แต่ไม่เกิน 2,000 บาท
หากรถหาย พ.ร.บ.จะคุ้มครองหรือไม่
ประกันของพ.ร.บ.รถยนต์จะไม่คุ้มครองกรณีที่รถยนต์สูญหาย แต่คุ้มครองความเสียหายต่อบุคคลที่ประสบเหตุรวมถึงคู่กรณีด้วย หากคุณอยากได้รับความคุ้มครองกรณีรถหายจะต้องซื้อประกันภาคสมัครใจ เช่น ประกันชั้น 1 หรือ ประกันชั้น 2+ เป็นต้น
พ.ร.บ.รถยนต์ ต่อที่ไหนได้บ้าง
- ผู้เอาประกันสามารถต่อ พ ร บ รถยนต์ กับตัวแทนขายพ.ร.บ. รถยนต์ได้กับบริษัทเอกชนต่างๆ เพื่อนำไปต่อภาษีรถยนต์ประจำปี ซึ่งหากต่อพ.ร.บ.เรียบร้อยแล้วเข้าไปติดต่อที่กรมขนส่งทางบกใกล้บ้านท่าน เพื่อยื่นต่อภาษี ซึ่งเอกสารที่ควรเตรียมให้พร้อมมีดังนี้
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาทะเบียนรถ หรือเล่มทะเบียนรถฉบับจริง
พ.ร.บ.รถยนต์ คุ้มครองอะไรบ้าง
หากคุณทำ พ.ร.บ. รถยนต์แล้วก็ไม่ต้องกังวลใจหากมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น เพราะ พ.ร.บ.รถยนต์ มีความคุ้มครองหลายกรณี ดังนี้
1. ค่าเสียหายเบื้องต้น
- ค่ารักษาพยาบาล และค่าใช้จ่ายอื่นๆที่จ่ายตามจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาท/คน
- กรณีสูญเสียอวัยวะ หรือเสียชีวิต จะได้รับเงินจาดพ.ร.บ. รถยนต์ ไม่เกิน 35,000 บาท/คน
- กรณีที่ได้รับบาดเจ็บ และต่อมาสูญเสียอวัยวะ จะได้รับเงินจากไม่เกิน 65,000 บาท/คน
- กรณีเสียชีวิตหลังจากเข้ารักษาพยาบาล จะได้รับไม่เกิน 65,000 บาท/คน
2. ค่าเสียหายส่วนเกิน
- ค่ารักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายอื่นๆ สามารถเรียกร้องได้ไม่เกิน 80,000 บาท/คน
- กรณีสูญเสียอวัยวะหรือทุพพลภาพอย่างถาวร จะได้รับ 200,000-500,000 บาท/คน
- กรณีเสียชีวิต จะได้รับเงินจากพ.ร.บ. รถยนต์ 500,000 บาท/คน
- กรณีที่เข้ารับการรักษาในฐานะผู้ป่วยใน จะได้รับค่าชดเชยรายวัน วันละ 200 บาท แต่ไม่เกิน 20 วัน
วิธีเคลม พ.ร.บ. รถยนต์
หากมีความเสียหายเกิดขึ้นและคุณต้องการเคลมค่าเสียหายจากพ.ร.บ. รถยนต์ก็สามารถทำได้หลายวิธี แล้วแต่ประเภทของความเสียหาย ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
1. ค่าเสียหายกรณีบาดเจ็บ
จะต้องนำสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้บาดเจ็บ ใบรับรองแพทย์ หนังสือรับรองการรักษาตัวผู้ป่วยใน ใบเสร็จจากทางโรงพยาบาล และใบบันทึกประจำวันของพนักงานสอบสวนหรือหลักฐานอื่นใดที่แสดงว่าผู้นั้นได้รับบาดเจ็บจากรถยนต์จริง ไปยื่นกับทางบริษัทประกันฯที่คุณซื้อพ.ร.บ. รถยนต์
2. ค่าเสียหายกรณีเสียชีวิต
จะต้องนำสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาบัตรประชาชนทายาท สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาใบมรณบัตร สำเนาบันทึกประจำวันพนักงานสอบสวนหรือหลักฐานที่แสดงว่าผู้ใช้รถยนต์ถึงแก่ความตายไปยื่นกับทางบริษัทประกันฯ ที่ทำพ.ร.บ. รถยนต์ ด้วย
พ.ร.บ. รถยนต์หมดอายุ ต้องทำยังไง
กรณีที่ พ.ร.บ. รถยนต์ของคุณหมดอายุ เพื่อนแท้เงินด่วนขอสรุปการต่ออายุได้ดังนี้
อายุของพ.ร.บ. รถยนต์
พ.ร.บ. รถยนต์จะมีอายุ 1 ปี ควรจะมีการต่อ พ.ร.บ. ทุกปีไม่ให้ขาด สามารถซื้อความคุ้มครองล่วงหน้าได้ไม่เกิน 90 วัน แต่ถ้าไม่ต่อมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท
พ.ร.บ. หมดอายุเป็นเวลานาน
หากไม่มีการต่อ พ.ร.บ. รถยนต์ เป็นเวลานาน 3 ปี ติดต่อกัน จะทำให้เลขทะเบียนรถยนต์คันนั้นถูกระงับ คุณจะต้องไปที่กรมขนส่งทางบกเพื่อจดทะเบียนใหม่ และจะต้องชำระภาษีและค่าปรับย้อนหลัง 3 ปีนั้นด้วย ซึ่งจะคิดค่าปรับในอัตรา 1% ต่อปี จึงจะสามารถขับรถได้ตามที่กำหมายกำหนด