ปัญหาการเป็นหนี้ เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สร้างความหนักอกหนักใจ ให้ใครหลายคนได้มากเลยทีเดียว โดยเฉพาะใครที่ต้องเจอกับภาวะหนี้สิน ล้นพ้นตัว รายจ่ายมากกว่ารายรับ หรือการจัดสรรการเงิน ที่ไม่ลงตัวแล้วล่ะก็ การมองหาวิธีการหาเงินและประหยัด คงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่หลายคนพยายามทำอยู่ และหนึ่งในวิธีการประหยัดเงิน ที่มักนิยมใช้กันก็คือการ รีไฟแนนซ์รถ นั่นเอง ซึ่งถือเป็นการลดค่าใช้จ่าย และประหยัดเงิน ได้อีกทางหนึ่ง สำหรับคนที่มีภาระหนี้ ค่ารถหรือต้องผ่อนรถยนต์อยู่ แล้วรู้สึกว่ากำลังจะผ่อนไม่ไหว หรือกำลังขาดสภาพคล่องทางการเงิน อย่างรุนแรง ก็สามารถเลือกใช้วิธีนี้ได้ โดยก่อนอื่นอยากจะพาคุณมาทำความเข้าใจ กับคำว่ารีไฟแนนซ์ ให้ละเอียดกันก่อน
รีไฟแนนซ์ คืออะไร มาดูกัน
รีไฟแนนซ์คือ
การที่เราไปทำเรื่องกู้เงินก้อนใหม่ มาเพื่อนำมาใช้ชำระหนี้สินก้อนเก่า หรือจะเรียกว่า การเปลี่ยนเจ้าหนี้ ในการกู้ยืมใหม่ก็ได้ ซื้อจุดประสงค์ในการทำรีไฟแนนซ์ ก็คือการชำระยอดเงินกู้ ที่ลดลงกว่าเดิม และได้อัตราดอกเบี้ยในการกู้ยืมที่ลงลดนั่นเอง อย่างการ รีไฟแนนซ์รถ ที่โดยปกติแล้วมักจะทำกันเมื่อมีการผ่อนชำระค่างวดรถ ไปแล้วระยะหนึ่ง แล้วอัตราดอกเบี้ยที่กู้ยืมเริ่มสูงขึ้น ทำให้ต้องมีการผ่อนชำระ ในอัตราที่มากขึ้น หรือสำหรับบางคน อาจอยากที่จะได้ส่วนต่างเงินจากการทำรีไฟแนนซ์ เพื่อนำไปใช้ในเรื่องจำเป็นต่าง ๆ ของชีวิตก็ได้เช่นกัน โดยสรุปแล้วการรีไฟแนนซ์ จึงเป็นการทำสัญญาเงินกู้ก้อนใหม่ ที่มีความคุ้มค่ากว่าเพื่อนำมาชำระหนี้ ก้อนเก่านั่นเอง ซึ่งจะทำกับสถาบันการเงินเดิม หรือใช้บริการกับสถาบันการเงิน ที่ใหม่ก็ได้เช่นกัน
รีไฟแนนซ์รถ
รีไฟแนนซ์รถ เองก็ถูกกลายมาเป็น ตัวช่วยสำคัญในการลดค่าใช้จ่าย และ ประหยัดเงินของหลายคน ในปัจจุบัน โดยบางคนอาจจะมีคำถาม ว่าทำไมเราต้องคอยรีไฟแนนซ์ ด้วย ทั้งที่เมื่อทำสัญญากู้เงินครั้งแรก ก็ได้เลือกสินเชื่อรถที่ดีที่สุด และคุ้มค่าที่สุดแล้ว ซึ่งเราอยากจะบอกว่าจริง ๆ แล้วการรีไฟแนนซ์ ก็อาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกคนเช่นเดียวกัน ด้วยข้อจำกัดและปัจจัยส่วนบุคคลต่าง ๆ ที่อาจจะทำให้เกิดผลดี หรือผลเสียที่ไม่เท่ากัน โดยสำหรับบางคนอาจจะคิดว่าในการทำสัญญาเงินกู้ ในครั้งแรก ตนได้เลือกสินเชื่อที่คุ้มค่าที่สุดแล้ว แต่อาจจะลืมคิดไป เวลาทุกอย่างล้วนแล้วมีเงื่อนไข เช่นกัน เช่น ณ ตอนนั้นตัวเลือกสินเชื่ออาจจะน้อยกว่าตอนนี้ ทำให้คุณมองว่าสินเชื่อนั่น ๆ ได้ตอบโจทย์ กับความต้องการคุณหมดแล้ว แต่เมื่อเวลาผ่านไป ด้วยภาวะเศรษฐกิจ การออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อใหม่ ๆ อัตราดอกเบี้ยที่มีการปรับตัว หรือแม้กระทั้ง ความต้องการใช้การใช้เงิน ของคุณได้เปลี่ยนไป ก็อาจจะทำให้สินเชื่อ ที่คุณเคยมองว่าดีนั้น เริ่มไม่ตอบโจทย์ กับความต้องการของคุณแล้วก็ได้ อีกทั้งเดี๋ยวนี้ที่หลาย ๆ สถาบันการเงินได้มีโครงการสำหรับการรีไฟแนนซ์รถ ออกมามากมายหลายแบบ ที่ต่างเอื้อประโยชน์ ให้กับผู้กู้ได้เป็นอย่างดี ทั้งวงเงินที่สูง และ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ถูกกว่า ทำให้หลายคนเริ่มมองเห็นโอกาส ในการประหยัดเงิน และ ลดค่าใช้จ่ายในการผ่อนรถในอนาคต แต่ทั้งนี้อย่าลืมว่าการรีไฟแนนซ์รถ นั้นถึงจะช่วยให้เราสามารถผ่อนชำระได้ ในจำนวนที่น้อยลง แต่ก็ตามมาด้วยระยะเวลาในการเป็นหนี้ ที่เพิ่มขึ้นด้วย นั่นเป็นที่มาว่าการรีไฟแนนซ์อาจจะไม่ได้เหมาะกับผู้ที่มีการวางแผนการเงิน ไว้ในอนาคต หรือต้องการหมดหนี้ ภายในระยะเวลาที่จำกัดนั่นเอง
เพราะฉะนั้นสรุปแล้ว หากการคุณจะพิจารณาว่าควรจะ รีไฟแนนซ์รถ หรือไม่นั้นก็ต่อเมื่อคุณได้รับประโยชน์หลัก ๆ นั่นคือการผ่อนชำระ ที่น้อยลงกว่าแบบเดิม การได้รับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ที่ลดลงกว่าแบบเดิม และการยืดระยะเวลาในการผ่อนได้นานขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน ของตัวเองให้ดีขึ้น และสามารถได้รับเงินส่วนต่าง เพื่อไปใช้ในเรื่องสำคัญในชีวิตได้ ถ้าทั้งหมดที่กล่าวมานี้สามารถตอบโจทย์ กับความต้องการของคุณ และ ตรงตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ แล้วล่ะก็ คุณก็สามารถดำเนินการรีไฟแนนซ์ได้เลย
วิธีการ รีไฟแนนซ์รถ ให้ประหยัดเงินได้มากที่สุด
- ตรวจสอบดูภาระหนี้สินของคุณ ให้ละเอียดรอบคอบที่สุด ว่าตอนนี้มียอดอยู่ที่เท่าไหร่ มีการผ่อนชำระต่องวดที่เท่าไหร่ ในอัตราดอกเบี้ยเท่าใด เพื่อดูว่าสัญญาและรายละเอียดในการรีไฟแนนรถ ของที่ใหม่นั้นจะทำให้คุณคุ้มค่ากว่าที่เป็นอยู่จริง ๆ โดยควรศึกษารายละเอียดจุดดีจุดเด่น ของแต่ละสินเชื่อ รวมถึงโปรโมชั่นต่าง ๆ เพื่อนำมาเปรียบเทียบดูว่า ที่ไหนที่เหมาะกับตัวเรามากที่สุด และจะทำให้เราได้รับประโยชน์จากการรีไฟแนนซ์ นี้มากที่สุดนั่นเอง
- ตรวจสอบคุณสมบัติต่าง ๆ ทั้งตัวรถเองหรือตัวบุคคลเองก็ตาม ว่าตรงตามเงื่อนไขที่แต่ละสถาบันการเงินกำหนด ไว้หรือไม่ เพราะแต่ละผลิตภัณฑ์แต่ละสถาบันการเงิน ย่อมจะมีรายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆ ที่มีความแตกต่างกันตามไปด้วย ทางที่ดีก็คือก่อนคุณจะยื่นขอรีไฟแนนรถ คุณควรเข้าไปขอรายละเอียด และสอบถามข้อมูลต่าง ๆ ก็ทางผู้กู้ใหม่ให้ดีเสียก่อน เพื่อที่จะได้สามารถเตรียมความพร้อมได้ อย่างไม่ผิดพลาด ในเรื่องของคุณสมบัติต่าง ๆ เพราะหากคุณมีคุณสมบัติ ที่ไม่เข้าเกณฑ์ก็จะได้ไม่ต้องไม่เสียเวลาเปล่า ในการยื่นเรื่องด้วย
- เลือกใช้บริการกับสถาบันการเงิน ที่ได้มาตรฐานและถูกต้องด้วยกฎหมาย ทั้งที่เป็นธนาคารหรือบริษัทสินเชื่อ ต่าง ๆ ก็ตาม โดยก่อนจะตัดสินใจขอรีไฟแนนรถกับที่ใด คุณต้องตรวจสอบก่อนว่าสถาบันการเงินนั้น ๆ มีความน่าเชื่อถือ และมีความเชี่ยวชาญ ในสินเชื่อเหล่านี้จริง ๆ เพราะหากคุณเลือกใช้บริการกับบริษัทการเงิน ที่ไม่มีมาตรฐานและไม่ถูกกฎหมายแล้ว นั่นแสดงว่าคุณจะต้องพบเจอกับความเสี่ยงต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นสัญญาที่ไม่เป็นธรรม การคิดอัตราดอกเบี้ยที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายกำหนด การถูกคุกคามจากการทวงหนี้ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้แล้วท้ายที่สุดแล้วการรีไฟแนนซ์อาจจะไม่ได้ช่วยประหยัดเงินและช่วยให้คุณได้รับประโยชน์จริง ๆ ก็ได้ แต่ในทางกลับกันกลับจะเพิ่มปัญหาที่หนักขึ้นเรื่อย ๆ ให้กับคุณในอนาคตแทน
- เตรียมเอกสารต่าง ๆ ให้พร้อมก่อนไปทำเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเอกสารส่วนบุคคล อย่างสำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรประชาชน เอกสารทางการเงิน เอกสารทางการทำงาน หรือเอกสารเกี่ยวกับตัวรถต่าง ๆ ที่ทางสถาบันการเงินได้ระบุไว้ เพราะสินเชื่อบางตัว อาจจะมีระยะเวลาในการขอกู้ หรืออาจจะมีโปรโมชั่นที่จำกัดในระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น หากคุณรีรอหรือไม่เตรียมความพร้อมต่าง ๆ ให้ดีอาจจะทำให้พลาดโอกาสต่าง ๆ ไปได้ง่าย โดยสามารถโทรไปสอบถามหรือเข้าไปดูในเว็บไซต์รวมถึงเข้าไปสอบถามได้โดยตรงกับทางสถาบันการเงินที่เราสนใจกันได้เลย
สรุป
และสุดท้ายคือการประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของตัวเองว่าเมื่อคุณทำเรื่องรีไฟแนนรถไปแล้ว คุณยังจะสามารถผ่อนชำระไหวหรือไม่ เพราะหากทำไปแล้วแต่คุณก็ยังไม่สามารถผ่อนชำระได้เหมือนเดิมก็คงไม่มีประโยชน์อะไร และยังจะเป็นการเพิ่มปัญหาให้ซ้ำซ้อนไปอีกเรื่อย ๆ อีกด้วย ทางที่ดีคือคุณควรจัดสรรรายรับรายจ่ายของตัวเองให้ดี และรู้จักการบริหารการเงินของตัวเองอย่างรอบคอบด้วย เพราะอย่างลืมว่าการรีไฟแนนซ์จะเป็นการยืดระยะเวลาในการเป็นหนี้ออกไปอีก เท่ากับว่าคุณจะต้องเป็นหนี้นานขึ้นตามไปด้วย เพราะฉะนั้นหากคุณไม่รู้จักวางแผนการใช้เงินไว้ล่วงหน้า เมื่อเวลาผ่านไปก็อาจจะทำให้คุณต้องเผชิญกับปัญหาสภาพคล่องทางการเงินจนมากระทบกับการผ่อนชำระค่างวดอีกครั้งก็ได้ และหากเป็นเช่นนั้นแล้ว คุณก็อาจจะต้องคอยมองหาการรีไฟแนนซ์อยู่เรื่อย ๆ ไม่จบไม่สิ้น จนทำให้กลายเป็นหนี้ในระยะยาวต่อไปเรื่อย ๆ ไม่หมดสักที ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช้เรื่องที่ดีเลย รู้แบบนี้แล้วใครที่กำลังประสบปัญหาด้านการเงินหรือกำลังคิดว่าจะทำการรีไฟแนนซ์ดีไหม ก็ลองอ่านบทความนี้ดูนำไปใช้เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจกันได้เลย