หากมีความจำเป็นต้องกู้ยืมเงินด่วน สิ่งสำคัญก็คือการทำ สัญญาเงินกู้ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการชำระเงินและเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกันและเพื่อไม่ให้มีปัญหาตามมาทีหลัง อีกทั้งหากมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำผิดสัญญาที่ให้ไว้ก็สามารถฟ้องร้องกันได้
การยืมเงิน คือ
การยืมเงิน คือ การนำเงินจากบุคคลอื่นมาใช้ตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการและจากนั้นก็นำเงินไปคืน หากเป็นคนสนิทหรือญาติพี่น้องก็จะยืมได้ง่ายโดยไม่ต้องมีเอกสารสัญญาใดๆ แต่หากเป็นสถาบันการเงินแน่นอนว่าจะต้องทำสัญญาเงินกู้เพื่อเป็นลายลักษณ์อักษรเอาไว้ด้วย
อัตราดอกเบี้ย
การทำสัญญากู้เงินระหว่างผู้กู้และผู้ให้กู้นั้นจะมีรายละเอียดของอัตราดอกเบี้ยระบุไว้ชัดเจน ซึ่งสามารถแยกได้ดังนี้
1. อัตราดอกเบี้ยที่กฎหมายกำหนดไว้
- (มาตรา 7) หากไม่ได้มีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ตั้งแต่แรก จะต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี
- (มาตรา224) หากผิดนัดชำระให้คิดดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี แต่ถ้าเจ้าหนี้อยากได้ดอกเบี้ยสูงกว่านั้นต้องอาศัยมูลเหตุอย่างอื่นด้วย
2. อัตราดอกเบี้ยที่เกินกฎหมายกำหนดไว้
- หากดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนดไว้จะถือว่าเป็นโมฆะทั้งหมดแต่เงินต้นที่กู้นั้นยังคงเดิม
- หากผู้ให้กู้คิดดอกเบี้ยล่วงหน้าและนำไปรวมกับเงินต้นในสัญญา ดอกเบี้ยล่วงหน้าที่เกินกว่ากฎหมายกำหนดจะถือเป็นโมฆะ และเงินต้นยังสามารถนำมาเป็นหลักฐานการกู้ยืมได้ด้วย
- หากผู้กู้ชำระดอกเบี้ยที่เกินกฎหมายกำหนดไปแล้ว ผู้กู้สามารถนำดอกเบี้ยไปหักชำระเงินต้นได้
- สัญญากู้ยืมที่มีดอกเบี้ยเกิน 15% ต่อปี เจ้าหนี้ไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่กู้ แต่สามารถเรียกดอกเบี้ยในระหว่างการผิดนัดชำระได้
ข้อกำหนดในการทำสัญญาเงินกู้
ข้อกำหนดสำหรับการทำสัญญาเงินกู้สินเชื่อที่ดินจะต้องมีการลงรายละเอียด ดังนี้
1. ระบุจำนวนเงินต้น
2. ระบุอัตราดอกเบี้ย
เนื่องจากสัญญากู้เงินนั้นจะต้องได้รับความเป็นธรรมทั้งฝ่ายผู้กู้และผู้ให้กู้ ดังนั้นควรจะมีการระบุอัตราดอกเบี้ยให้ถูกต้องชัดเจนเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายรับรู้ตรงกัน
3. ระบุระยะเวลาการชำระหนี้
การระบุระยะเวลาในการชำระหนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ ควรมีการระบุวันเวลาให้ชัดเจน เพราะหากผู้กู้ค้างชำระหรือไม่ยอมชำระหนี้ตามกำหนดผู้ให้กู้ก็มีสิทธิฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้
4. วันที่ทำสัญญา
เป็นการระบุวันที่เริ่มทำสัญญาขึ้น เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญมากๆเพราะจะทำให้ทั้งสองฝ่ายรับรู้ได้ว่ามีการทำสัญญากู้เงินตั้งแต่วันใด และเป็นข้อมมูลสำคัญหากมีการฟ้องร้องกันเกิดขึ้น
5. พยาน
จะต้องมีการลงลายมือชื่อของพยานทั้งสองฝ่ายไว้ในสัญญากู้เงินด้วย เพื่อเป็นการยืนยันว่าสัญญานั้นได้รับคามเป็นธรรมมีคนรับรู้และเป็นพยานในการกู้ยืมครั้งนี้ด้วย
6. ลายมือผู้กู้และผู้ให้กู้
โครงสร้างสัญญาเงินกู้
1. ส่วนนำ
- ชื่อสัญญากู้เงิน
- สถานที่ทำสัญญา
- วันที่ทำสัญญา
- ชื่อและที่อยู่ของคู่สัญญา
2. เนื้อหา
- วัตถุประสงค์ในการทำสัญญา
- อัตราดอกเบี้ย
- กำหนดการชำระหนี้
- ผลของการผิดนัดชำระหนี้
3. ส่วนท้าย
- ข้อความส่วนท้ายของสัญญาดอกเบี้ย
- ลายมือของคู่สัญญา
- ลายมือชื่อพยาน
จุดที่ต้องระวังในการทำสัญญาเงินกู้
1. ยอดเงินต้น
ควรตรวจสอบดูว่ายอดเงินต้นในสัญญากู้เงินตรงตามที่ได้มีการตกลงไว้หรือไม่ เพื่อไม่ให้มีความผิดพลาดเกิดขึ้นมาทีหลัง
2. อัตราดอกเบี้ย
ควรดูว่าอัตราดอกเบี้ยที่ถูกระบุไว้ในสัญญากู้เงินนั้นมีความเป็นธรรมหรือไม่เกินกว่ากฎหมายกำหนดหรือเปล่า โดยปกติทั่วไปในกรณีที่ยืมกับสถาบันการเงินดอกเบี้ยจะต้องไม่เกินร้อยละ 28% ต่อปี และสำหรับสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ไม่เกิน 36% ต่อปี
3. ยอดผ่อนชำระต่อเดือน
ผู้กู้ควรตรวจสอบยอดผ่อนชำระต่อเดือนที่มีการระบุไว้ในสัญญา หรืออาจจะลองคำนวณตามดูว่าตรงตามที่ตกลงกันไว้หรือไม่เพื่อไม่ให้ถูกเอาเปรียบ
4. ระยะเวลาชำระหนี้
ควรดูข้อมูลการชำระหนี้ให้ดีว่ามีความสอดคล้องกับยอดผ่อนที่ต้องจ่ายต่อเดือนหรือไม่ และควรดูวันที่เริ่มทำสัญญากับวันสิ้นสุดของสัญญาควบคู่ไปด้วย
5. เงื่อนไขการผิดนัดชำระหนี้
ควรดูรายละเอียดของเงื่อนไขการผิดนัดชำระหนี้ให้ดีก่อนเซ็นสัญญาเพราะถ้าหากลงรายมือชื่อไปแล้วก็ถือว่าคุณได้รับทราบเงื่อนไขทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทำไมต้องมีสัญญากู้ยืมเงิน
มีสาเหตุหลายประการที่ทำให้ต้องมีสัญญาเงินกู้ เมื่อทำการยืมเงิน สัญญาเงินกู้เป็นเอกสารที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย ที่ระบุข้อกำหนดและเงื่อนไขของเงินกู้ รวมถึงจำนวนเงินที่ยืม อัตราดอกเบี้ย และกำหนดการชำระคืน
การมีสัญญาเงินกู้ช่วยคุ้มครองทั้งผู้กู้และผู้ให้กู้ สำหรับผู้กู้ สัญญาเงินกู้ทำหน้าที่เป็นบันทึกการกู้ยืม และเงื่อนไขการชำระคืน สิ่งนี้มีประโยชน์ในกรณีที่มีข้อพิพาทเกี่ยวกับเงินกู้ หรือหากผู้กู้จำเป็นต้องแสดงหลักฐานการกู้ยืมแก่บุคคลที่สาม เช่น ผู้ให้กู้จำนอง
สำหรับผู้ให้กู้ สัญญาเงินกู้จะช่วยปกป้องผลประโยชน์ของพวกเขา โดยการสรุปเงื่อนไขของเงินกู้ และภาระหน้าที่ของผู้กู้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังช่วยสร้างสิทธิ์ของผู้ให้กู้ ในกรณีที่ผู้กู้ไม่สามารถชำระเงินได้ทันเวลา หรือผิดนัดชำระหนี้
นอกเหนือจากการคุ้มครองเหล่านี้แล้ว สัญญาเงินกู้ยังสามารถช่วยสร้างความไว้วางใจระหว่างผู้กู้และผู้ให้กู้ โดยสรุปเงื่อนไขของเงินกู้ และความคาดหวังของทั้งสองฝ่ายอย่างชัดเจน สัญญาเงินกู้ช่วยสร้างความเข้าใจร่วมกันและความมุ่งมั่นในการกู้ยืม
สัญญากู้ยืมเงินทำที่ไหนได้บ้าง
สัญญาเงินกู้สามารถทำและลงนามได้ในสถานที่ และสถานการณ์ที่หลากหลาย ต่อไปนี้เป็นสถานที่ และสถานการณ์ทั่วไป ที่อาจใช้สัญญาเงินกู้
1. สถาบันการเงิน
สถาบันการเงิน เช่น ธนาคารและสหภาพเครดิตหลายแห่งเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อ และกำหนดให้ผู้กู้ต้องลงนามในสัญญาเงินกู้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนการสมัคร
2. การเซ็นสัญญาออนไลน์
ผู้ให้กู้ออนไลน์ มีผู้ให้กู้ออนไลน์จำนวนมากที่นำเสนอสินเชื่อส่วนบุคคล และผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ ผู้ให้กู้เหล่านี้มักจัดทำสัญญาเงินกู้ที่สามารถลงนามและกรอกด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์
3. ลายเซ็นดิจิทัล
4. สำนักงานกฎหมาย
ทนายความหรือผู้ช่วยทนายความสามารถช่วยในการสร้าง และดำเนินการตามสัญญาเงินกู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเงินกู้ขนาดใหญ่ หรือธุรกรรมทางการเงินที่ซับซ้อน
5. หน่วยงานรัฐบาล
โครงการของรัฐบาลบางโครงการ เช่น สินเชื่อธุรกิจขนาดเล็ก อาจกำหนดให้ผู้กู้ต้องลงนามในสัญญาเงินกู้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนการสมัคร
กู้ยืมเงิน แต่ไม่ทำสัญญากู้เงิน จะเกิดอะไรบ้าง
หากคุณยืมเงินแต่ไม่มีสัญญาเงินกู้ อาจสร้างปัญหาและความเสี่ยงให้กับทั้งผู้ยืมและผู้ให้ยืมได้ ต่อไปนี้เป็นผลที่อาจเกิดขึ้นจากการกู้ยืมเงินโดยไม่มีสัญญาเงินกู้
1. ปัญหาทางกฎหมาย
หากไม่มีสัญญาเงินกู้ อาจเกิดความสับสนหรือข้อโต้แย้งเกี่ยวกับเงื่อนไขของเงินกู้ เช่น จำนวนเงินที่ยืม อัตราดอกเบี้ย หรือกำหนดการชำระคืน สิ่งนี้อาจนำไปสู่ปัญหาทางกฎหมาย หากผู้กู้และผู้ให้กู้ไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขของเงินกู้
2. ขาดการคุ้มครอง
สัญญาเงินกู้ช่วยรักษาผลประโยชน์ของทั้งผู้กู้และผู้ให้กู้ หากไม่มีสัญญาเงินกู้ ผู้กู้อาจไม่เข้าใจอย่างชัดเจนเกี่ยวกับภาระผูกพันของตนหรือสิทธิ์ของผู้ให้กู้ในกรณีที่ผิดนัด
3. ความยากลำบากในการได้รับเครดิต
หากคุณยืมเงินโดยไม่มีสัญญาเงินกู้และไม่สามารถชำระคืนเงินกู้ได้ อาจส่งผลเสียต่อคะแนนเครดิตของคุณ ซึ่งอาจทำให้ได้รับสินเชื่อได้ยากขึ้นในอนาคต
4. ความสัมพันธ์ระหว่างผู้กู้ และผู้ให้กู้
การยืมเงินโดยไม่มีสัญญาเงินกู้อาจทำให้ความสัมพันธ์ส่วนตัวตึงเครียดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผู้ยืมและผู้ให้ยืมเป็นเพื่อนหรือครอบครัว สัญญาเงินกู้ช่วยกำหนดเงื่อนไขและความคาดหวังที่ชัดเจน ซึ่งจะช่วยป้องกันความเข้าใจผิดและความขัดแย้งได้
ความผิดของการคิดดอกเบี้ยเกินอัตรา
การคิดดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราที่เกินกว่ากฎหมายกำหนด เรียกว่า การคิดดอกเบี้ยเกินอัตรา ถือเป็นความผิดทางกฎหมายร้ายแรงและอาจส่งผลร้ายแรงต่อทั้งผู้ให้กู้และผู้ยืม
ในเขตอำนาจศาล ส่วนใหญ่มีกฎหมายที่กำหนดอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สามารถเรียกเก็บจากเงินกู้ได้ กฎหมายเหล่านี้มีไว้เพื่อปกป้องผู้กู้จากการให้กู้ยืมแบบเอาเปรียบ และรับประกันว่าพวกเขาจะไม่ถูกเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินไปซึ่งพวกเขาไม่สามารถจ่ายได้
สรุป - สัญญาเงินกู้
ไม่ว่าสัญญาเงินกู้จะทำที่ไหนหรืออย่างไร สิ่งสำคัญคือทั้งสองฝ่ายต้องเข้าใจ และยอมรับเงื่อนไขของเงินกู้อย่างถ่องแท้ก่อนลงนาม สัญญาเงินกู้ควรระบุจำนวนเงินที่กู้ยืม อัตราดอกเบี้ย กำหนดการชำระคืน และเงื่อนไขอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจน
การยืมเงินกู้ต้องมีการทำสัญญากู้เงินระหว่างผู้กู้และผู้ให้กู้โดยจะต้องมีเนื้อหาที่ตรงกันทุกประการ และสำหรับใครที่กำลังมองหาแหล่งเงินกู้ก็สามารถเลือกใช้บริการสินเชื่อรถแลกเงิน สินเชื่อบ้านแลกเงิน หรือสินเชื่อโฉนดที่ดินแลกเงิน ผ่านแอพเงินด่วนของเพื่อนแท้เงินด่วนได้ คุณจะได้รับความเป็นธรรมและได้รับเงินทันใจแน่นอน