เคลมประกันรถยนต์ต้องทำอย่างไร? คู่มือฉบับสมบูรณ์

เคลมประกันรถยนต์ต้องทำอย่างไร? คู่มือฉบับสมบูรณ์

    เมื่อเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ หลายคนอาจตกใจและไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป โดยเฉพาะในเรื่องของการ เคลมประกัน ซึ่งเป็นกระบวนการที่ช่วยให้เจ้าของรถได้รับความคุ้มครองจากบริษัทประกันภัยอย่างถูกต้องและรวดเร็ว บทความนี้จะอธิบายขั้นตอน การเคลมประกันรถยนต์ ตั้งแต่ต้นจนจบ พร้อมแนวทางปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุ เพื่อให้คุณสามารถรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

ประเภทของการเคลมประกันรถยนต์

ประเภทของการเคลมประกันรถยนต์

ก่อนที่เราจะไปถึงขั้นตอน การเคลมประกัน เราควรรู้ก่อนว่าการเคลมประกันมี 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่ 

การเคลมแบบมีคู่กรณี

    การเคลมในกรณีนี้หมายถึง การเกิดอุบัติเหตุที่มีคู่กรณีชัดเจน เช่น การชนกับรถยนต์คันอื่น หรือชนกับทรัพย์สินของบุคคลที่สาม โดยการเคลมแบบนี้จะต้องมีพยานหลักฐานเพื่อยืนยันความผิดและดำเนินการแจ้งเคลมไปยังบริษัทประกัน 

ขั้นตอนเคลมเมื่อมีคู่กรณี

    1. จอดรถในที่ปลอดภัยและเปิดไฟฉุกเฉิน 
    2. โทรแจ้งบริษัทประกันเพื่อให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ 
    3. แลกเปลี่ยนข้อมูลกับคู่กรณี เช่น ชื่อ เบอร์โทร และทะเบียนรถ 
    4. รอเจ้าหน้าที่ประกันมาตรวจสอบและออกใบเคลม 
    5. นำรถไปซ่อมตามศูนย์บริการที่กำหนด 

การเคลมแบบไม่มีคู่กรณี

    เป็นการเคลมที่เกิดจากอุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณี เช่น รถเฉี่ยวชนกับเสาไฟฟ้า หรือถูกขูดขีดโดยไม่ทราบตัวผู้กระทำ ในกรณีนี้ เจ้าของรถต้องแจ้งบริษัทประกันเพื่อให้ตรวจสอบและดำเนินการเคลมตามเงื่อนไข 

ขั้นตอนเคลมเมื่อไม่มีคู่กรณี

    1. ถ่ายรูปจุดเสียหายของรถให้ชัดเจน 
    2. แจ้งบริษัทประกันและนำรถไปตรวจสอบ 
    3. กรอกแบบฟอร์มการเคลมและรับใบเคลม 
    4. นำรถเข้าซ่อมตามอู่หรือศูนย์บริการที่บริษัทประกันกำหนด 

เอกสารที่ต้องใช้ในการเคลมประกัน

การเคลมประกันรถยนต์จะต้องใช้เอกสารต่างๆ เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการพิจารณา ซึ่งเอกสารหลักที่ต้องใช้มีดังนี้ 

    • สำเนากรมธรรม์ประกันภัย 
    • สำเนาทะเบียนรถ 
    • สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของรถ 
    • ใบขับขี่ของผู้ขับขี่ขณะเกิดเหตุ 
    • ใบแจ้งความ (ในกรณีมีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต) 
    • ภาพถ่ายความเสียหายของรถและสถานที่เกิดเหตุ 

เอกสารเหล่านี้มีความสำคัญต่อการพิจารณาเคลมของบริษัทประกัน หากเอกสารไม่ครบอาจทำให้กระบวนการล่าช้า 

เคลมสดกับเคลมแห้งต่างกันอย่างไร?

เคลมสดกับเคลมแห้งต่างกันอย่างไร?

การเคลมประกันสามารถแบ่งออกเป็น เคลมสด และ เคลมแห้ง ซึ่งมีข้อแตกต่างดังนี้ 

เคลมสด

เคลมสด คือ การแจ้งเคลม ณ จุดเกิดเหตุ โดยต้องมีเจ้าหน้าที่ประกันเดินทางมาตรวจสอบและออกใบเคลมให้ทันที เหมาะสำหรับกรณีที่เกิดอุบัติเหตุรุนแรงหรือมีคู่กรณี 

 

ข้อดีของเคลมสด 

    • ได้รับการตรวจสอบและออกใบเคลมทันที 
    • มีหลักฐานที่ชัดเจน ลดปัญหาข้อพิพาท 
    • ช่วยป้องกันการปฏิเสธความรับผิดชอบจากคู่กรณี 

เคลมแห้ง

เคลมแห้ง คือ การแจ้งเคลมภายหลังจากเกิดเหตุแล้ว เช่น รถโดนขูดขีดแต่ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เจ้าของรถสามารถแจ้งเคลมโดยนำรถไปที่ศูนย์บริการของบริษัทประกัน 

 

ข้อดีของเคลมแห้ง 

  • สะดวก สามารถเลือกเวลาแจ้งเคลมได้ 
  • ไม่ต้องรอเจ้าหน้าที่ประกันมาตรวจสอบหน้างาน 

อย่างไรก็ตาม เคลมแห้งอาจมีข้อจำกัดเรื่องระยะเวลาที่ต้องแจ้งภายในระยะเวลาที่กำหนดในกรมธรรม์ 

วิธีป้องกันปัญหาในการเคลมประกัน

วิธีป้องกันปัญหาในการเคลมประกัน

แม้ว่าการเคลมประกันจะเป็นสิทธิ์ของเจ้าของรถ แต่ก็อาจมีปัญหาที่ทำให้กระบวนการล่าช้า ดังนั้น ควรปฏิบัติตามแนวทางดังนี้ 

    1. อ่านเงื่อนไขกรมธรรม์อย่างละเอียดเพื่อให้เข้าใจว่ากรมธรรม์ครอบคลุมกรณีไหนบ้าง 
    2. เก็บเอกสารให้ครบถ้วนป้องกันการเกิดปัญหาข้อมูลไม่ครบ ทำให้การเคลมล่าช้า 
    3. แจ้งเคลมให้เร็วที่สุดเพื่อไม่ให้ปัญหาล่าช้าและได้รับการซ่อมแซมทันที 
    4. เลือกใช้บริการจากบริษัทประกันที่มีความน่าเชื่อถือมีเครือข่ายอู่ซ่อมและศูนย์บริการที่ได้มาตรฐาน 
    5. หมั่นตรวจสอบสภาพรถเป็นประจำเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุและปัญหาการเคลม 
เคลมประกันรถยนต์ต้องเสียค่าใช้จ่ายหรือไม่?

เคลมประกันรถยนต์ต้องเสียค่าใช้จ่ายหรือไม่?

ค่าใช้จ่ายในการเคลมประกันขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของกรมธรรม์ที่ทำไว้ โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 กรณีหลักๆ ดังนี้ 

เคลมแบบไม่มีค่าใช้จ่าย (เคลมฟรี)

    • กรณีที่เจ้าของรถไม่ได้เป็นฝ่ายผิด 
    • กรณีที่มีคู่กรณีและสามารถระบุความผิดได้ชัดเจน 

เคลมแบบมีค่าใช้จ่าย (ค่าเสียหายส่วนแรก หรือ Excess)

    • กรณีที่เจ้าของรถเป็นฝ่ายผิด 
    • กรณีเคลมแบบไม่มีคู่กรณี เช่น รถเฉี่ยวเสา รอยขูดขีดจากที่ไม่ทราบสาเหตุ 

ค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะถูกระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย หากต้องการหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ควรเลือกประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองแบบเต็มรูปแบบ 

สรุป

    การ เคลมประกันรถยนต์ เป็นกระบวนการที่เจ้าของรถทุกคนควรรู้เพื่อให้สามารถจัดการได้อย่างถูกต้องเมื่อเกิดอุบัติเหตุ โดยมีประเภทของการเคลมที่แบ่งเป็น เคลมแบบมีคู่กรณี และ เคลมแบบไม่มีคู่กรณี ซึ่งแต่ละแบบมีขั้นตอนที่แตกต่างกัน สิ่งสำคัญคือการเตรียมเอกสารให้ครบ แจ้งเคลมโดยเร็ว และปฏิบัติตามเงื่อนไขของบริษัทประกัน นอกจากนี้ การเลือกบริษัทประกันที่มีความน่าเชื่อถือและเข้าใจเงื่อนไขของกรมธรรม์ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้การเคลมเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว 

เพื่อนแท้ เงินด่วน

บทความยอดนิยม