การจดจำนองเป็นกระบวนการที่มีความสำคัญในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ในปี 2567 ค่าจดจำนองมีการปรับเปลี่ยนและอาจมีผลกระทบต่อผู้ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ บทความนี้จะอธิบายเกี่ยวกับค่าจดจำนองในปี 2567 ว่าคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ พร้อมยกตัวอย่างเพื่อความเข้าใจที่ชัดเจน
1. ความสำคัญของการจดจำนอง
การจดจำนองเป็นการทำสัญญาที่ผู้ขอสินเชื่อใช้ทรัพย์สิน เช่น บ้านหรือที่ดิน เป็นหลักประกันกับธนาคารหรือสถาบันการเงิน เพื่อรับสินเชื่อหรือเงินกู้ การมีหลักประกันทำให้ธนาคารมั่นใจในการปล่อยสินเชื่อ และผู้ขอสินเชื่อสามารถเข้าถึงสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าได้
ตัวอย่างจดจำนอง
2. ขั้นตอนการจดจำนอง
ขั้นตอนการจดจำนองประกอบด้วยหลายขั้นตอนสำคัญ ดังนี้:
1. การประเมินทรัพย์สิน
ธนาคารจะทำการประเมินมูลค่าทรัพย์สินที่ใช้เป็นหลักประกัน โดยมีผู้ประเมินอิสระหรือเจ้าหน้าที่ของธนาคารดำเนินการ
2. การตรวจสอบประวัติสินเชื่อ
ธนาคารจะตรวจสอบประวัติการชำระหนี้ของผู้ขอสินเชื่อ เพื่อประเมินความเสี่ยง
3. การทำสัญญาจำนอง
เมื่อผ่านการตรวจสอบแล้ว จะทำการจัดทำสัญญาจำนองระหว่างธนาคารและผู้ขอสินเชื่อ โดยมีทนายความหรือเจ้าหน้าที่ของธนาคารเป็นพยาน
4. การจดทะเบียนจำนอง
สัญญาจำนองจะต้องได้รับการจดทะเบียนที่กรมที่ดิน ซึ่งเป็นกระบวนการที่ทำให้การจำนองมีผลทางกฎหมาย
ตัวอย่าง
นายสมชายต้องการกู้เงิน 3,500,000 บาท โดยใช้บ้านที่มีมูลค่า 5,000,000 บาทเป็นหลักประกัน ธนาคารจะทำการประเมินมูลค่าบ้าน ตรวจสอบประวัติสินเชื่อ และทำสัญญาจำนอง ก่อนที่จะจดทะเบียนจำนองที่กรมที่ดิน
3. ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการจดจำนอง
ในปี 2567 ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการจดจำนอง 2567 มีการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ ค่าธรรมเนียมหลักๆ ได้แก่:
- ค่าธรรมเนียมการประเมินทรัพย์สิน: คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าทรัพย์สิน (ปกติคิด 0.5-3%)
- ค่าธรรมเนียมการตรวจสอบประวัติสินเชื่อ: ค่าบริการเพิ่มเติมหากใช้บริการจากหน่วยงานภายนอก (ปกติคิด 0.5-3%)
- ค่าธรรมเนียมการจัดทำสัญญา: ค่าใช้จ่ายในการใช้บริการทนายความหรือเจ้าหน้าที่ (ปกติคิด 0.5-3%)
- ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนจำนอง: ชำระที่กรมที่ดิน คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าทรัพย์สิน (1% แต่สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท)
4. อัตราค่าจดจำนองในปี 2567
ในปี 2567 อัตราค่าจดจำนองที่กรมที่ดินกำหนดไว้คิดเป็น 1% ของมูลค่าทรัพย์สินที่ใช้เป็นหลักประกัน ซึ่งเป็นอัตราที่กำหนดเพื่อเป็นมาตรฐานในการประเมินและจดทะเบียนการจำนอง
ตัวอย่าง
นายสมชายใช้บ้านที่มีมูลค่า 5,000,000 บาทเป็นหลักประกันในการจดจำนอง ค่าจดจำนองที่ต้องชำระคือ 1% ของมูลค่าทรัพย์สิน หรือเท่ากับ 50,000 บาท
5. ข้อควรระวังในการจดจำนอง
ผู้ขอสินเชื่อควรระมัดระวังเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจดจำนอง ดังนี้:
1. การตรวจสอบเงื่อนไขในสัญญา
ควรตรวจสอบเงื่อนไขในสัญญาอย่างละเอียดเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายในอนาคต
2. การประเมินมูลค่าทรัพย์สิน
ควรใช้บริการของผู้ประเมินทรัพย์สินที่มีความเชี่ยวชาญและเป็นกลาง
3. การตรวจสอบประวัติสินเชื่อ
ควรตรวจสอบประวัติการชำระหนี้ของตนเองก่อนการขอสินเชื่อ เพื่อประเมินความเป็นไปได้ในการได้รับอนุมัติสินเชื่อ
4. การเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้อง
ควรเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนเพื่อลดความล่าช้าในกระบวนการจดจำนอง
5. การทำความเข้าใจเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย
ควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจดจำนอง เพื่อวางแผนการเงินได้อย่างเหมาะสม
ตัวอย่าง
นางสาวสุพัตราต้องการกู้เงินเพื่อซื้อบ้านใหม่ เธอควรตรวจสอบเงื่อนไขในสัญญาจำนองให้ละเอียด ใช้บริการผู้ประเมินทรัพย์สินที่เชื่อถือได้ และเตรียมเอกสารที่จำเป็นทั้งหมดให้ครบถ้วน เพื่อให้กระบวนการจดจำนองเป็นไปอย่างราบรื่น
สรุป
การจดจำนองเป็นกระบวนการที่มีความสำคัญในการให้สินเชื่อ การเข้าใจค่าจดจำนองในปี 2567 จะช่วยให้ผู้ขอสินเชื่อสามารถเตรียมตัวและวางแผนการเงินได้อย่างเหมาะสม บทความนี้หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจหรือมีแผนที่จะขอสินเชื่อในอนาคต
ในการขอสินเชื่อที่ต้องมีการจดจำนอง เช่น สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ สินเชื่อโฉนดที่ดิน ลูกค้าสามารถขอกู้ได้วงเงินสูงสุด 130% ของราคาประเมิน ซึ่งบริษัท เพื่อนแท้ เงินด่วน จำกัด มีข้อเสนอที่น่าสนใจและแตกต่างจากคู่แข่งที่มักจะปล่อยเพียง 50-70% ของราคาประเมิน นอกจากนี้ลูกค้าที่เข้ามาทำสัญญากับบริษัท เพื่อนแท้ เงินด่วน จำกัด ไม่ต้องเสียเวลาไปจดจำนองที่กรมที่ดิน ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกและลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้า