อยากกู้เงินแบบมั่นใจ ปลอดภัย ต้องมี สัญญายืมเงิน

อยากกู้เงินแบบมั่นใจ ปลอดภัย ต้องมี สัญญายืมเงิน

    สัญญายืมเงิน ถือเป็นเอกสารทางกฎหมายที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกู้ยืมเงินในธุรกิจหรือการทำสัญญาแบบส่วนตัว การทำสัญญาให้ถูกต้องตามกฎหมายจะช่วยลดปัญหาและข้อขัดแย้งในอนาคตได้อย่างมาก บทความนี้จึงจะพาคุณไปรู้จักกับหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับสัญญายืมเงิน พร้อมทั้งแนวทางการจัดทำที่ถูกต้อง 

สัญญายืมเงินคืออะไร?

สัญญายืมเงินคืออะไร?

    สัญญายืมเงิน เป็นข้อตกลงระหว่างผู้ให้กู้และผู้กู้ ที่ระบุเงื่อนไขเกี่ยวกับจำนวนเงินที่กู้ อัตราดอกเบี้ย (ถ้ามี) ระยะเวลาในการชำระคืน และข้อกำหนดอื่น ๆ เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติตามตามกฎหมายไทย สัญญายืมเงินยังถือเป็นหลักฐานสำคัญที่ใช้ในการดำเนินคดีได้หากเกิดกรณีที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข 

องค์ประกอบสำคัญของสัญญายืมเงิน 

    1. รายละเอียดของคู่สัญญา: ชื่อ-นามสกุล เลขบัตรประชาชน ที่อยู่ของทั้งผู้ให้กู้และผู้กู้ 
    2. จำนวนเงินที่กู้: ระบุจำนวนเงินที่ชัดเจน 
    3. เงื่อนไขการคืนเงิน: วันครบกำหนด อัตราดอกเบี้ย (ถ้ามี) และวิธีการชำระคืน 
    4. ลายเซ็นของทั้งสองฝ่าย: เพื่อแสดงการยินยอมตามเงื่อนไข 
ความสำคัญของการทำสัญญายืมเงินแบบถูกกฎหมาย

ความสำคัญของการทำสัญญายืมเงินแบบถูกกฎหมาย

การจัดทำ สัญญายืมเงิน แบบถูกต้องตามกฎหมายมีความสำคัญในหลายด้าน ทั้งด้านกฎหมายและความสัมพันธ์ส่วนตัว ระหว่างคู่สัญญา 

    1. ลดความเสี่ยงทางกฎหมาย สัญญายืมเงินที่จัดทำอย่างถูกต้อง จะช่วยให้สามารถใช้เป็นหลักฐานในกระบวนการยุติธรรม หากเกิดปัญหาการผิดนัดชำระ
    2. สร้างความชัดเจนในเงื่อนไขการยืมเงิน เอกสารสัญญาจะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจและยอมรับเงื่อนไขตรงกัน เช่น อัตราดอกเบี้ย การชำระเงิน หรือบทลงโทษกรณีผิดสัญญา
    3. สร้างความน่าเชื่อถือ สำหรับผู้ให้กู้หรือผู้กู้ สัญญายืมเงินสามารถสร้างความมั่นใจให้กับทั้งสองฝ่ายว่าการทำธุรกรรมครั้งนี้จะเป็นไปอย่างยุติธรรม
วิธีการจัดทำสัญญายืมเงิน

วิธีการจัดทำสัญญายืมเงิน

การจัดทำสัญญายืมเงินสามารถทำได้ด้วยตนเอง หรือปรึกษาทนายความเพื่อให้แน่ใจว่าสัญญาถูกต้องตามกฎหมาย ประกอบด้วย 2 ส่วน ดังนี้

1. ขั้นตอนการเขียนสัญญายืมเงิน

    1. กำหนดรายละเอียดของคู่สัญญา ระบุชื่อผู้ให้กู้และผู้กู้ พร้อมข้อมูลติดต่อที่ชัดเจน 
    2. ระบุจำนวนเงินและดอกเบี้ย (ถ้ามี) ควรระบุจำนวนเงินที่กู้ยืมชัดเจน และหากมีการคิดดอกเบี้ย จะต้องไม่เกินกฎหมายกำหนด 
    3. กำหนดเงื่อนไขการชำระคืน ระบุวันที่ครบกำหนดชำระ และวิธีการชำระ เช่น เงินสด โอนเข้าบัญชี 
    4. แนบลายเซ็นและพยาน ลายเซ็นของทั้งสองฝ่าย พร้อมลายเซ็นพยานอย่างน้อยหนึ่งคน 

2. รูปแบบของสัญญายืมเงิน

สัญญายืมเงินสามารถจัดทำได้หลายรูปแบบ เช่น 

    • แบบลายลักษณ์อักษร: เป็นแบบที่ได้รับความนิยม เนื่องจากสามารถใช้เป็นหลักฐานทางกฎหมาย 
    • แบบอิเล็กทรอนิกส์: ในยุคดิจิทัล การจัดทำสัญญายืมเงินผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์หรือระบบอิเล็กทรอนิกส์ก็เป็นอีกทางเลือกที่ได้รับการยอมรับ 
ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการไม่ทำสัญญายืมเงิน

ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการไม่ทำสัญญายืมเงิน

หากไม่มีการจัดทำ สัญญายืมเงิน หรือจัดทำไม่ถูกต้องตามกฎหมาย อาจเกิดปัญหาหลายประการที่ส่งผลต่อทั้งผู้ให้กู้และผู้กู้ เช่น 

    1. การไม่สามารถเรียกเงินคืนได้ หากไม่มีหลักฐานยืนยันการยืมเงิน ผู้ให้กู้อาจไม่สามารถเรียกเงินคืนจากผู้กู้ได้ 
    2. การเกิดข้อพิพาทในเงื่อนไข การไม่มีเอกสารสัญญาที่ชัดเจน อาจทำให้ทั้งสองฝ่ายเกิดความเข้าใจผิดในเรื่องอัตราดอกเบี้ยหรือเงื่อนไขการชำระคืน 
    3. การเสียเปรียบในกระบวนการทางกฎหมาย หากสัญญาไม่มีความถูกต้องตามกฎหมาย อาจทำให้การดำเนินคดีในชั้นศาลมีความยุ่งยาก 
5. หลักฐานการกู้ยืมเงิน

หลักฐานการกู้ยืมเงิน

การจัดทำ หลักฐานการกู้ยืมเงิน แบ่งออกเป็น 2 กรณี ตามจำนวนเงินที่เกี่ยวข้อง ดังนี้: 

    1. กรณีจำนวนเงินกู้ยืม ไม่เกิน 2,000 บาท ตามกฎหมายไทย หากจำนวนเงินที่กู้ยืมไม่เกิน 2,000 บาท ไม่จำเป็นต้องจัดทำหลักฐานการกู้ยืมเป็นลายลักษณ์อักษร แม้จะเป็นการตกลงกันด้วยวาจา แต่หากมีการผิดสัญญาหรือไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง ก็สามารถฟ้องร้องดำเนินคดีได้ตามกฎหมาย 
    2. กรณีจำนวนเงินกู้ยืม เกิน 2,000 บาท 

          สำหรับกรณีที่จำนวนเงินกู้ยืมเกิน 2,000 บาท กฎหมายกำหนดให้ต้องมี หลักฐานแห่งการกู้ยืมเงิน หากไม่มีหลักฐานดังกล่าวจะไม่สามารถฟ้องร้องบังคับคดีกันได้ 

          หลักฐานการกู้ยืมเงินสามารถจัดทำได้ในรูปแบบใดก็ได้ เช่น สัญญาลายลักษณ์อักษร หรือเอกสารยืนยัน แต่ต้องมีข้อความที่ระบุอย่างชัดเจนว่า: 

      • มีการกู้ยืมเงินเป็นจำนวนเท่าใด 
      • ตกลงคืนเงินเมื่อใด 
      • และที่สำคัญ ต้องมี ลายมือชื่อของผู้กู้ยืม 
องค์ประกอบสำคัญในเอกสารหลักฐานการกู้ยืมเงิน

องค์ประกอบสำคัญในเอกสารหลักฐานการกู้ยืมเงิน

เพื่อให้เอกสารมีความสมบูรณ์ตามกฎหมาย ควรประกอบด้วยข้อมูลดังต่อไปนี้: 

  1. วันที่ที่ทำสัญญากู้ยืมเงิน ระบุวันที่ที่มีการทำข้อตกลงชัดเจน 
  2. ชื่อของคู่สัญญา ระบุชื่อทั้งผู้กู้และผู้ให้กู้ พร้อมรายละเอียดที่สามารถระบุตัวตนได้ 
  3. จำนวนเงินที่กู้ยืม ระบุจำนวนเงินที่กู้ยืมอย่างชัดเจน 
  4. กำหนดชำระคืนเงิน ระบุวันที่หรือระยะเวลาที่จะคืนเงิน (ถ้าตกลงกัน) 
  5. อัตราดอกเบี้ย (ถ้ามี) 
    1. หากมีการคิดดอกเบี้ย จะต้องไม่เกิน 15% ต่อปี ตามกฎหมายกำหนด 
    2. หากไม่มีการระบุอัตราดอกเบี้ยไว้ กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 7 กำหนดอัตราดอกเบี้ยเป็น 7.5% ต่อปี 
  6. ลายมือชื่อของผู้กู้ยืม 
    1. ผู้กู้ยืมต้องลงลายมือชื่อในเอกสาร 
    2. กรณีใช้ลายพิมพ์นิ้วมือแทน จะต้องมี พยานรับรองลายนิ้วมืออย่างน้อย 2 คน 

หลักจากทราบถึงหลักฐาน องค์ประกอบ และความเสี่ยงแล้ว สิ่งสำคัญอีกประการคือ ท่านควรจะมีความรู้ด้านการตรวจสอบสัญญายืมเงินแบบถูกกฎหมายด้วย สนใจให้คลิ๊กอ่านบทความ 5 วิธีในการตรวจสอบสัญญายืมเงินแบบถูกกฎหมาย

สรุป

    การทำ สัญญายืมเงิน แบบถูกต้องตามกฎหมายไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ แต่ยังช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือให้กับทั้งผู้ให้กู้และผู้กู้ การจัดทำสัญญายืมเงินควรมีความชัดเจนในทุกเงื่อนไข และจัดทำในรูปแบบที่ได้รับการยอมรับทางกฎหมายเสมอ 

หากคุณกำลังมองหาผู้ให้บริการสินเชื่อที่มีความน่าเชื่อถือ บริษัท เพื่อนแท้ เงินด่วน จำกัด เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ด้วยการให้บริการสินเชื่อที่รวดเร็วและยืดหยุ่น เราพร้อมช่วยคุณในทุกสถานการณ์การเงินที่ต้องการ 

เพื่อนแท้ เงินด่วน

บทความยอดนิยม