ประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) สำหรับลูกค้า

“บริษัท เพื่อนแท้ แคปปิตอล จำกัด และบริษัทย่อย” (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “บริษัท”) ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และเคารพในสิทธิความเป็นส่วนตัวของลูกค้า (เรียกว่า “ท่าน”) และเพื่อเป็นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง บริษัทจึงได้จัดทำประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) นี้ขึ้นมา เพื่อแจ้งให้ลูกค้าของบริษัทรับทราบ และชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (รวมเรียกว่า “การประมวลผล”) และสิทธิตามกฎหมายของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้

ประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ใช้สำหรับบุคคลธรรมดา ดังต่อไปนี้

  1. ลูกค้าบุคคลธรรมดา คือ ลูกค้าเป้าหมาย (ผู้ที่อาจเป็นลูกค้าในอนาคต) ลูกค้าปัจจุบัน และลูกค้าในอดีตของบริษัท
  2. บุคคลที่เกี่ยวข้อง คือ บุคคลธรรมดาที่ไม่ใช่ลูกค้าของบริษัท แต่บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เช่น บุคคลที่ได้ชำระหรือโอนเงินให้แก่บริษัท บุคคลที่ได้เข้าชมเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของบริษัท หรือเข้าใช้บริการที่สาขาหรือสำนักงานของบริษัท ผู้ค้ำประกันหรือผู้ให้หลักประกัน ผู้เอาประกัน ผู้รับผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ ผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง กรรมการหรือผู้แทนโดยชอบด้วยกฎหมายของนิติบุคคลที่ใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัท เป็นต้น

คำนิยาม

  1. กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และฉบับที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม รวมถึงกฎ ระเบียบ ประกาศ และคำสั่งที่เกี่ยวข้อง
  2. ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรง
    หรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรม
  3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวหมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมถึงฉบับแก้ไขเพิ่มเติม 
  4. ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับ
    การเก็บรวบรวมใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (ในที่นี่หมายถึงบริษัท)
  5. ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
  6. ลูกค้า หมายถึง ลูกค้าเป้าหมาย (ผู้ที่อาจเป็นลูกค้าในอนาคต) ลูกค้าปัจจุบัน และลูกค้าในอดีตของบริษัท     ผู้ขอกู้  ผู้กู้  ผู้กู้ร่วม ผู้ค้ำประกัน ผู้มีอำนาจกระทำการแทน

วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นแก่การดำเนินงานภายใต้วัตถุประสงค์ของบริษัท และเพื่อประโยชน์ในการใช้บริการของท่าน

ในการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ บริษัทอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และฐานทางกฎหมาย โดยบริษัทได้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวโดยใช้ฐานทางกฎหมายเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ดังต่อไปนี้

วัตถุประสงค์

ฐานทางกฎหมาย

(1) เพื่อการพิจารณาอนุมัติคำขอใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัท

  • การปฏิบัติตามสัญญา หรือการดำเนินการตามคำขอก่อนเข้าทำสัญญา
  • ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
  • ความยินยอม

(2) เพื่อการใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการต่างๆ ของบริษัท การปฏิบัติตามกระบวนการภายในของบริษัทเกี่ยวกับการอนุมัติคำขอใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัท การรับหรือส่งเอกสารติดต่อระหว่างลูกค้ากับบริษัท

  • การปฏิบัติตามสัญญา
  • ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(3) เพื่อประโยชน์ในการประเมิน ปรับปรุง และพัฒนาผลิตภัณฑ์ การให้บริการ และรายการส่งเสริมการขายต่างๆ ของบริษัท

  • ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
  • ความยินยอม

(4) เพื่อปฏิบัติตามข้อผูกพันทางกฎหมาย และข้อเรียกร้องการบังคับใช้กฎหมาย รวมถึงรายงานข้อมูลต่อหน่วยงานราชการตามกฎหมาย

  • การปฏิบัติตามกฎหมาย

(5) เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้ สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

 

  • ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
  • จำเป็นเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

(6) เพื่อการติดตามทวงถามหนี้

  • การปฏิบัติตามสัญญา
  • ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(7) เพื่อการโอนสิทธิ หน้าที่ และผลประโยชน์ใดๆ ตามสัญญาระหว่างลูกค้ากับบริษัท รวมถึงการโอนเนื่องมาจากการแปลงสินทรัพย์หรือหลักทรัพย์ซึ่งได้กระทำโดยชอบด้วยกฎหมาย

  • การปฏิบัติตามสัญญา
  • ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(8) เพื่อดำเนินการวางแผน การรายงาน และการคาดการณ์ทางธุรกิจ

  • ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(9) เพื่อป้องกันและตรวจสอบการดำเนินการในลักษณะที่เป็นการฉ้อฉล การฟอกเงิน การสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย การกระทำผิดทางอาญา หรือการกระทำอื่นใดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

  • การปฏิบัติตามสัญญา
  • การปฏิบัติตามกฎหมาย
  • ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(10) เพื่อการสืบสวน สอบสวน หรือกระบวนการทางกฎหมาย

  • การปฏิบัติตามสัญญา
  • ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(11) เพื่อป้องกันและระงับอันตรายต่อชีวิต และทรัพย์สิน และดูแลความสงบเรียบร้อย การรักษาความปลอดภัยในชีวิตร่างกายของบุคคล และทรัพย์สินของบริษัท การรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณอาคาร หรือสถานที่ของบริษัท และการบันทึกภาพและเสียงภายในอาคารหรือสำนักงานของบริษัทด้วยกล้องวงจรปิด (CCTV)

  • ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
  • การจำเป็นเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

(12) เพื่อการบริหารความเสี่ยง การกำกับตรวจสอบ และการจัดการภายในองค์กร

  • ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
  • การจำเป็นเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

(13) เพื่อการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าของบริษัท เช่น การจัดการ ข้อร้องเรียน การเสนอสิทธิประโยชน์โดยไม่มีวัตถุประสงค์ทางการตลาด

  • ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
  • ความยินยอม

(14) เพื่อการสำรวจความพึงพอใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท

  • ความยินยอม

(15) เพื่อใช้ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท และการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้เหมาะสมและตรงตามความต้องการของลูกค้า

  • ความยินยอม

ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บรวบรวม

บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุในประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ หรือบางส่วน ตามความจำเป็นเพื่อการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ต่างๆ ของบริษัท ดังนี้

ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป

  1. ข้อมูลระบุตัวตน เช่น คำนำหน้า ชื่อ ชื่อสกุล เลขประจำตัวประชาชน เลขที่หนังสือเดินทาง วันเดือนปีเกิด เพศ อายุ รูปถ่าย ลายมือชื่อ ข้อมูลบนเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานราชการ (เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ) เป็นต้น
  2. ข้อมูลการติดต่อ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรศัพท์มือถือ อีเมลแอดเดรส (E-mail Address) ชื่อบัญชีเข้าใช้งานสำหรับการติดต่อสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ (เช่น ไอดีไลน์ (LINE ID)) และข้อมูลในโซเชียลมีเดีย (Social Media) ต่างๆ รวมถึงรายละเอียดการติดต่อของบุคคลอ้างอิง เป็นต้น
  3. ข้อมูลการทำงาน เช่น อาชีพ รายละเอียดเกี่ยวกับนายจ้าง และสถานที่ทำงาน ตำแหน่ง เงินเดือน รายได้ และค่าตอบแทน เป็นต้น
  4. ข้อมูลทางการเงิน เช่น ข้อมูลบัญชีเงินฝากธนาคาร ข้อมูลสินเชื่อ ข้อมูลหลักประกัน สถานะความเป็นลูกค้า ข้อมูลด้านการเงินและภาษี ข้อมูลเครดิต ข้อมูลการชำระหนี้ ข้อมูลการทำธุรกรรมของลูกค้า เป็นต้น
  5. ข้อมูลระบุทรัพย์สินของบุคคล เช่น ทะเบียนรถ รูปถ่ายรถยนต์ สำเนาใบคู่มือจดทะเบียนรถ โฉนดที่ดิน หนังสือรับรองการทำประโยชน์ รูปถ่ายที่ดิน หรือเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ในหลักทรัพย์อื่นๆ เป็นต้น
  6. ข้อมูลอุปกรณ์หรือเครื่องมือ เช่น IP address , Cookie ID ข้อมูลบันทึกต่างๆ ที่ใช้ติดตามตรวจสอบกิจกรรมต่างๆ ของบุคคล เช่น Log File เป็นต้น
  7. ข้อมูลที่สามารถใช้ในการค้นหาข้อมูลส่วนบุคคลอื่นในอินเทอร์เน็ต
  8. ข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือตามที่ให้ความยินยอม เช่น ข้อมูลโทรศัพท์มือถือ ประวัติการใช้งานโทรศัพท์มือถือเมื่อใช้งานแอปพลิเคชัน เว็บไซต์ เป็นต้น
  9. ข้อมูลส่วนบุคคลอื่นๆ เช่น สถานภาพทางการสมรส  บันทึกการโต้ตอบและสื่อสารระหว่างเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลกับบริษัท ไม่ว่าจะในรูปแบบหรือวิธีใดๆ ก็ตามรวมถึงโทรศัพท์ อีเมล ข้อความสนทนา และการสื่อสารสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ข้อมูลในแบบสำรวจหรือแบบสอบถาม หรือข้อมูลที่เก็บรวบรวมเมื่อเข้าร่วมกิจกรรมทางการตลาด การสัมมนา หรือกิจกรรมทางสังคม ข้อมูลจากการบันทึกภาพถ่ายกิจกรรม บันทึกภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหวผ่านกล้องวงจรปิด (CCTV) วัน และเวลาการเข้าติดต่อบริษัท เป็นต้น

ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว

ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว เช่น ข้อมูลศาสนา ข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

ทั้งนี้ บริษัทไม่มีความประสงค์จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว เช่น ข้อมูลศาสนา เป็นต้น หากไม่ได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูล เว้นแต่ ในกรณีที่ได้รับการยกเว้นตามกฎหมายไม่ต้องขอความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นข้อมูลอ่อนไหว จึงขอให้ท่านดำเนินการปิดทับข้อมูลส่วนดังกล่าว ทั้งนี้ หากมิได้ปกปิดข้อมูลดังกล่าว บริษัทจะดำเนินการปิดทับข้อมูลดังกล่าว และขอสงวนสิทธิในการถือเสมือนว่า บริษัทไม่ได้มีการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวไว้ โดยถือว่าเอกสารที่มีการปิดทับข้อมูลดังกล่าวมีผลสมบูรณ์ และบังคับใช้ได้ตามกฎหมายทุกประการ

แหล่งที่มาของข้อมูล

บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งที่มาทั้งโดยทางตรงและทางอ้อม ดังนี้

  1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่ลูกค้าให้ไว้แก่บริษัทโดยตรง หรือให้ผ่านบริษัท หรือมีอยู่กับบริษัททั้งที่เกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการ ติดต่อ เยี่ยมชม เข้าร่วมกิจกรรม ค้นหา ผ่านช่องทางให้บริการ และ/หรือ ช่องทางการติดต่อต่างๆ ของบริษัท เช่น สำนักงานใหญ่ สาขา เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน บัญชีสื่อสังคมออนไลน์ของบริษัท จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ การติดต่อกับฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ โทรศัพท์ โทรสาร ไปรษณีย์ ข้อความสั้น (SMS) กิจกรรมส่งเสริมทางการตลาด การพบปะ หรือช่องทางอื่นใด เป็นต้น
  2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับหรือเข้าถึงได้จากแหล่งอื่น เช่น บริษัทอื่นในกลุ่มของบริษัท บริษัทหรือ ผู้ให้บริการอื่นๆ พันธมิตรทางธุรกิจและผู้ให้บริการของพันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ให้บริการข้อมูล บุคคลหรือนิติบุคคลที่มาทำธุรกรรมกับบริษัท หน่วยงานราชการ หน่วยงานรัฐ หน่วยงานกำกับดูแล เป็นต้น
  3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับจากบุคคลที่สามที่มีความเกี่ยวข้องกับท่าน โดยท่านเป็นผู้ให้ข้อมูลกับบริษัท เช่น คู่สมรส สมาชิกในครอบครัว ผู้ค้ำประกัน เจ้าของหลักประกัน บุคคลอ้างอิง บุคคลที่ให้ไว้เพื่อการทวงถามหนี้ เป็นต้น ท่านรับทราบและรับรองว่า ได้แจ้งให้บุคคลดังกล่าวทราบถึงรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลและสิทธิตามประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้แก่บุคคลดังกล่าว พร้อมทั้งได้รับความยินยอมจากบุคคลนั้นๆ ก่อนการเปิดเผยข้อมูลแก่บริษัท (หากจำเป็น) หรืออาศัยฐานทางกฎหมายอื่นในการให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัท

ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็น ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ระบุไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้เท่านั้น โดยมีการกำหนดระยะเวลาเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลตามหลักเกณฑ์ ดังนี้

  1. บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้เป็นเวลา 10 ปี นับจากวันที่ ยุติความสัมพันธ์ หรือตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด หรือตามที่หน่วยงานที่ควบคุมกำกับดูแลธุรกิจของบริษัทกำหนด หรือเพื่อการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือจัดเก็บตามนโยบาย ระเบียบ คำสั่ง คู่มือการปฏิบัติงานด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทกำหนดไว้
  2. เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว บริษัทจะดำเนินการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้

ทั้งนี้ หากมีการดำเนินการทางศาล ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจถูกจัดเก็บไว้จนกว่าจะสิ้นสุดการดำเนินการดังกล่าว รวมถึงระยะเวลาใดๆ ในการดำเนินการที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ จากนั้นข้อมูลของท่านจะถูกลบหรือเก็บตามที่กฎหมายอนุญาต

การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจมีการเปิดเผยให้แก่บุคคลหรือหน่วยงานภายในบริษัท และบุคคลหรือหน่วยงานภายนอก ภายใต้หลักเกณฑ์ของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ดังนี้

  1. ภายในบริษัท
    • ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจมีการเปิดเผยให้แก่บุคคลหรือหน่วยงานภายในบริษัทเฉพาะที่เกี่ยวข้อง และมีบทบาทหน้าที่เท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์เท่านั้น โดยบุคคลหรือหน่วยงานต่างๆ ของบริษัทจะได้รับอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามความจำเป็นและเหมาะสม
  2. ภายนอกบริษัท

ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน อาจมีการเปิดเผยให้แก่บุคคลหรือหน่วยงานภายนอก ดังนี้

  • บริษัทย่อย บริษัทในเครือ และบริษัทที่เกี่ยวข้อง เพื่อวัตถุประสงค์ในการดำเนินธุรกิจ และการบริหารงานภายใน รวมถึงดำเนินกิจกรรมอื่นใดตามที่ระบุในประกาศความเป็นส่วนตัว
  • ผู้ตรวจสอบภายใน ผู้สอบบัญชี และที่ปรึกษาวิชาชีพ
  • หน่วยงานราชการ หน่วยงานกำกับดูแล หรือหน่วยงานอื่นตามที่กฎหมายกำหนด
  • หน่วยงาน องค์กร หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการใช้สิทธิเรียกร้อง การดำเนินคดี การโต้แย้งข้อร้องเรียนหรือข้อกล่าวหา การต่อสู้คดีของบริษัท เช่น คู่ความในคดี พยาน เป็นต้น
  • ผู้รับโอนสิทธิ หน้าที่ และผลประโยชน์ใดๆ จากบริษัท รวมถึงผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้รับโอนดังกล่าวให้ดำเนินการแทน เช่น กรณีปรับโครงสร้างองค์กร การควบรวมหรือซื้อกิจการ การแยกหรือการโอนกิจการ การซื้อทรัพย์สิน การโอนหรือขายหนี้ การแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ เป็นต้น
  • ผู้มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจ (ในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญากรณีมีการดำเนินโครงการหรือทำธุรกิจร่วมกัน)
  • บุคคลภายนอกอื่นๆ เช่น ผู้ถือหุ้น ผู้ถือหุ้นกู้ และตัวแทนของบุคคลดังกล่าว บริษัท หรือสถาบันการเงิน เป็นต้น

ทั้งนี้ การเปิดเผยข้อมูลบุคคลส่วนบุคคลของท่านจะมีวัตถุประสงค์โดยเฉพาะเจาะจง ภายใต้ฐานทางกฎหมาย และมาตรการความปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทจะไม่อนุญาตให้บุคคลที่สามดังกล่าวใช้ข้อมูลเพื่อประโยชน์ของตนเอง บริษัทอนุญาตให้บุคคลที่สามใช้ข้อมูลเท่าที่จําเป็นอย่างเฉพาะเจาะจง และปฏิบัติตามแนวปฏิบัติของบริษัทเท่านั้น

การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ

บริษัทอาจเก็บข้อมูลของท่านบนคอมพิวเตอร์ เซิร์ฟเวอร์ (Server) หรือคลาวด์ (Cloud) ที่ให้บริการโดยบุคคลอื่น และอาจใช้โปรแกรมหรือแอปพลิเคชันของบุคคลอื่นในรูปแบบของการให้บริการซอฟท์แวร์สำเร็จรูป และรูปแบบของการให้บริการแพลตฟอร์มสำเร็จรูปในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของของท่าน ทั้งนี้ บริษัทจะไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้ และบริษัทจะกำหนดให้บุคคลอื่นเหล่านั้นต้องมีมาตรการคุ้มครองความมั่นคงปลอดภัยด้านข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม

ในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ผู้ให้บริการด้านการจัดเก็บข้อมูล และ/หรือเอกสาร ผู้ให้บริการ Server/Cloud โดยมีวัตถุประสงค์ที่จำเป็นเพื่อการเก็บรวบรวมข้อมูลและ/หรือเอกสารแทนบริษัทไว้บน Server/Cloud ในต่างประเทศ บริษัทจะดำเนินการเพื่อทำให้มั่นใจว่า ประเทศของผู้รับข้อมูลมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไม่น้อยกว่าประเทศไทย หรือในกรณีที่เป็นการส่งหรือโอนภายใต้ขอบเขตของกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะพยายามส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังผู้ให้บริการหรือผู้รับข้อมูลของบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ ด้วยวิธีการที่ปลอดภัย เพื่อรักษา ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

อย่างไรก็ตาม กรณีที่บริษัทมีเหตุจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ โดยบริษัทจะปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และใช้มาตรการที่เหมาะสม เพื่อให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับความคุ้มครองตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด รวมถึงบริษัทจะกำหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของของท่าน มีมาตรการปกป้องข้อมูลของท่านอย่างเหมาะสม และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจโดยมิชอบ

สิทธิของลูกค้าในฐานะเจ้าของข้อมูล

ในฐานะที่ท่านเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิตามที่กำหนดไว้โดยพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ทั้งนี้ ท่านสามารถขอใช้สิทธิต่างๆ ของท่านได้ตามช่องทางที่บริษัท โดยจะสามารถเริ่มใช้สิทธิได้ เมื่อกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับ ซึ่งสิทธิต่างๆ ของท่านมีรายละเอียด ดังนี้

  1. สิทธิในการได้รับการแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับข้อมูลที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
  2. สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม ท่านมีสิทธิขอถอนความยินยอมที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัทเมื่อใดก็ได้ ตามขั้นตอนและวิธีการที่บริษัทกำหนด เว้นแต่ การเพิกถอนความยินยอมจะมีข้อจำกัดโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน หรือบริษัทไม่สามารถถอนความยินยอมได้โดยสภาพทางเทคนิค
    • ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย
  3. สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล และขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลโดยที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อบริษัทได้
  4. สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ภายใต้เงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด เว้นแต่ กรณีที่บริษัทจะมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการปฏิเสธคำขอของท่าน
  5. สิทธิในการขอให้ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ เว้นแต่ กรณีที่บริษัทจะมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการปฏิเสธคำขอของท่าน
  6. สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้เงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด
  7. สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง กรณีแก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือเพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ เพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวถูกต้อง เป็นปัจจุบัน ครบถ้วนสมบูรณ์ และ ไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
  8. สิทธิในการขอรับหรือขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการขอรับหรือขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัทได้ตามที่กฎหมายกำหนด เว้นแต่ บริษัทไม่สามารถทำได้โดยสภาพทางเทคนิค หรือบริษัทมีเหตุในการปฏิเสธคำขอของท่านโดยชอบด้วยกฎหมาย
  9. สิทธิในการร้องเรียน ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หากบริษัทหรือพนักงานฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์เดิม

บริษัทมีสิทธิในการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้เก็บรวบรวมไว้ ก่อนวันที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีผลใช้บังคับต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิม หากท่านไม่ประสงค์ที่จะให้บริษัทเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวต่อไป ท่านสามารถแจ้งบริษัทเพื่อขอถอนความยินยอมของท่านเมื่อใดก็ได้

ข้อมูลและช่องทางการติดต่อบริษัท

หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้หรือต้องการขอใช้สิทธิของท่าน โปรดติดต่อบริษัทผ่านช่องทางดังต่อไปนี้

  • ติดต่อฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ :
    • โทรศัพท์ : 02-114-8988
    • E-mail : contact@puean.co.th
  • ติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer) :
    • E-mail : DPO@puean.co.th
  • ติดต่อสำนักงานใหญ่ บริษัท เพื่อนแท้ แคปปิตอล จำกัด :
    • 1282/13 ถนนมิตรภาพ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา 30000

การเปลี่ยนแปลงประกาศความเป็นส่วนตัว

บริษัทอาจเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขเพิ่มเติมประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) เกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับลูกค้าเป็นครั้งคราว โดยบริษัทจะแจ้งประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) ฉบับปัจจุบันไว้ที่สำนักงานใหญ่ และเว็บไซต์ของบริษัท https://www.puean.co.th

ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567 เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 1 เมษายน 2567