ประกันสังคม มาตรา 33 และ มาตรา 39 มอบสิทธิประโยชน์หลากหลายแก่ผู้ประกันตน ครอบคลุมตั้งแต่การรักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วยไปจนถึงเงินบำนาญยามเกษียณ ในบทความนี้เราจะมาดูสิทธิประโยชน์แต่ละกรณีที่ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับ
1. สิทธิประกันสังคมกรณีเจ็บป่วยหรือประสบอันตราย (มิใช่จากการทำงาน)
ความคุ้มครอง: ผู้ประกันตนสามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลที่อยู่ในเครือข่ายของประกันสังคมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
เงินทดแทนจากการขาดรายได้: ได้รับเงินทดแทนในอัตรา 50% ของค่าจ้างที่ได้รับจริง สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาทต่อครั้ง โดยมีข้อจำกัดไม่เกิน 90 วันต่อครั้ง และไม่เกิน 180 วันต่อปี ยกเว้นกรณีเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังซึ่งสามารถได้รับสิทธิสูงสุด 365 วัน
ทันตกรรม: สามารถเบิกได้ตามจริงสูงสุด 900 บาทต่อปีสำหรับการถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูน และผ่าฟันคุด
2. สิทธิประกันสังคมกรณีคลอดบุตร
ผู้ประกันตนหญิง: หากจ่ายเงินสมทบไม่น้อยกว่า 5 เดือน ภายใน 15 เดือนก่อนเดือนที่คลอด สามารถรับเงินค่าคลอดบุตรจำนวน 15,000 บาทต่อการคลอดบุตรหนึ่งครั้ง และยังสามารถเบิกค่าตรวจและฝากครรภ์สูงสุด 1,500 บาทตามที่จ่ายจริง
เงินสงเคราะห์หยุดงานเพื่อคลอดบุตร: ได้รับในอัตรา 50% ของค่าจ้างเฉลี่ยในระยะเวลา 90 วัน (สูงสุด 2 ครั้ง)
ผู้ประกันตนชาย: สามารถยื่นขอรับเงินค่าคลอดบุตรในอัตรา 15,000 บาท โดยต้องยื่นสำเนาทะเบียนสมรส หรือหนังสือรับรองของผู้ประกันตนกรณีไม่ได้จดทะเบียนสมรส
3. สิทธิประกันสังคมกรณีทุพพลภาพ
ความคุ้มครอง:
- สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลของรัฐโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
- มีสิทธิรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชนตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
เงินทดแทน:
- กรณีทุพพลภาพในระดับไม่รุนแรง ได้รับเงินทดแทนในอัตรา 30% ของค่าจ้างรายวัน ตลอดระยะเวลาที่ไม่สามารถทำงานได้ สูงสุดไม่เกิน 180 เดือน
- กรณีทุพพลภาพระดับรุนแรง ได้รับเงินทดแทน 50% ของค่าจ้างรายวันตลอดชีวิต
ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม:
- ค่าพาหนะ เบิกได้เดือนละ 500 บาท
- ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกายหรือจิตใจ เบิกได้ตามจริงสูงสุด 40,000 บาท
4. สิทธิประกันสังคมกรณีเสียชีวิต
ค่าทำศพ: ผู้ประกันตนสามารถขอรับค่าทำศพในอัตรา 50,000 บาท
เงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต:
- หากผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 36 เดือนขึ้นไปแต่ไม่ถึง 120 เดือน จะได้รับเงินสงเคราะห์ 4 เดือนในอัตรา 50% ของค่าจ้างเฉลี่ย
- หากจ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 120 เดือนขึ้นไป จะได้รับเงินสงเคราะห์ 12 เดือนในอัตรา 50% ของค่าจ้างเฉลี่ย
5. สิทธิประกันสังคมกรณีสงเคราะห์บุตร
เงินสงเคราะห์บุตร: ผู้ประกันตนจะได้รับเงินช่วยเหลือเลี้ยงดูบุตรในอัตรา 800 บาทต่อเดือนต่อคน โดยครอบคลุมบุตรสูงสุด 3 คน ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุครบ 6 ปีบริบูรณ์
6. สิทธิประกันสังคมกรณีชราภาพ
เงินบำนาญ:
- ผู้ที่จ่ายเงินสมทบไม่น้อยกว่า 180 เดือน มีสิทธิรับเงินบำนาญในอัตรา 20% ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย
- หากจ่ายเงินสมทบเกิน 180 เดือน จะได้รับเงินบำนาญเพิ่ม 1.5% ในทุก 12 เดือนที่จ่ายเงินสมทบเกินกว่า 180 เดือน
เงินบำเหน็จ:
- หากจ่ายเงินสมทบต่ำกว่า 12 เดือน จะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพเท่ากับจำนวนเงินสมทบที่ผู้ประกันตนจ่าย
- หากจ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 12 เดือนขึ้นไป จะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพเท่ากับจำนวนเงินสมทบของทั้งผู้ประกันตนและนายจ้าง
7. สิทธิประกันสังคมกรณีว่างงาน ( สิทธินี้สำหรับมาตรา 33 เท่านั้น )
เงินทดแทนระหว่างว่างงาน:
- กรณีถูกเลิกจ้าง จะได้รับเงินทดแทนปีละไม่เกิน 180 วันในอัตรา 50% ของค่าจ้างเฉลี่ย โดยคำนวณจากฐานเงินสมทบขั้นต่ำเดือนละ 1,650 บาท และฐานเงินสมทบสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท
- กรณีลาออกหรือสิ้นสุดสัญญาจ้างตามกำหนด จะได้รับเงินทดแทนปีละไม่เกิน 90 วันในอัตรา 30% ของค่าจ้างเฉลี่ย
สรุปสิทธิประกันสังคม
สิทธิประกันสังคม เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างความมั่นคงและความมั่นใจให้แก่ผู้ประกันตนในกรณีฉุกเฉิน โดยสิทธิประโยชน์ที่ได้รับครอบคลุมทั้งการรักษาพยาบาล การช่วยเหลือทางการเงินในกรณีเจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ การสงเคราะห์บุตร และการสนับสนุนในยามชราภาพ นอกจากนี้ยังมีการช่วยเหลือผู้ประกันตนที่ว่างงานให้สามารถได้รับเงินทดแทนในช่วงที่ขาดรายได้
การเข้าใจและใช้สิทธิประกันสังคมอย่างเหมาะสมจะช่วยให้ผู้ประกันตนสามารถรับสิทธิประโยชน์ที่พึงมีได้อย่างเต็มที่ และมีความพร้อมในการจัดการกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันในชีวิต มาถึงท้ายบทความแล้วหลายท่านเริ่มอยากรู้วิธีการสมัครประกันสังคมออนไลน์ แนะนำให้อ่านต่อบทความนี้ ขั้นตอนสมัครประกันสังคมออนไลน์มาตรา 33,39,40